กําไรบริษัทจดทะเบียนไม่สดใส กลุ่มค้าปลีกยังเด่น
กรอบ SET INDEX 1650-1665
Market Outlook
สําหรับ Fed Minute หรือรายงานผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. พบว่าคณะกรรมการยังเน้นย้ำถึงภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงและเกินกว่าระดับเป้าหมายของ Fed ที่ 2% โดยตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งพร้อมกับค่าจ้างที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อระดับเงินเฟ้อ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่าแม้ช่วงที่ผ่านมาเงินเฟ้อจะเริ่มลดลง แต่ถึงกระนั้นทางคณะกรรมการก็ยังต้องการหลักฐานมากกว่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อได้ปรับลดลงอย่างชัดเจนแล้ว สำหรับความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยมีคณะกรรมการบางท่านแสดงถึงความกังวลนี้ แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า Soft Landing ยังเป็นไปได้ ภายหลังจากทราบแถลงการณ์นี้พบว่า CME Fed Watch ยังมิได้ปรับเปลี่ยนมุมมองดอกเบี้ยอย่างมีนัยยะ สะท้อนว่าแถลงการณ์ข้างต้นมิได้มีผลมากนักกับตลาดหุ้น ด้าน US Bond Yield ทั้งอายุ 2 และ 10 ปียังทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 2 แสนตำแหน่ง พร้อมกับสต็อกน้ำมันดิบ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 2.9 ล้านบาร์เรล ส่วนในประเทศยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ๆ หลังจากตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมารับกับ Timeline ที่ชัดเจนมากขึ้นของการเลือกตั้ง โดยนักลงทุนกำลังติดตามผลประกอบการ 4Q22 ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า SET100 ที่รายงานแล้ว 49 บริษัท ใน 49 บริษัทพบว่า 47% ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ 35% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ และอีก 18% ดีกว่าตลาดคาดการณ์ โดยปัจจุบัน Bloomberg Consensus ประเมิน EPS 2023E ที่ 93.1 บาท/หุ้น ถูกปรับลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนที่ 95.5 บาท/หุ้น สะท้อนถึงนักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงลบต่อผลประกอบการที่ทยอยประกาศออกมาในช่วงนี้ โดย Sector ที่ยังเด่น ได้แก่ ค้าปลีก (BJC) ส่วนกลุ่มที่อิงกับต่างประเทศหรือมีต้นทุนเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ค่อนข้างอ่อนแอ
เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นถือครองเงินสด เพราะ Valuation ที่เริ่มแพงจากการปรับลดประมาณการ และเน้นเลือกหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้น อาทิ กลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, HMPRO) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA, VRANDA) รวมถึงกลุ่มที่ผลกระทบจากเศรษฐกิจจำกัด อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล (BCH, BDMS, CHG) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1650-1665
หุ้นแนะนําซื้อวันนี้
BJC ราคาพื้นฐาน 45.00 บาท
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q22 ที่ 1.6 พันล้านบาท (+17.8% YoY, +74.7% QoQ) ผลจากรายได้ที่ขยายตัว 5% YoY โดยเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์และกลุ่มธุรกิจ ค้าปลีกสมัยใหม่ โดยกำไร 4Q22 ออกมาดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้
VRANDA ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท
คาดกําไรจะเริ่มฟื้นตัวแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 4/22 และต่อเนื่องในปี 2023 เพราะคาด RevPar จะกลับมาที่ระดับ 100% ของช่วงก่อนเกิด Covid-19 (80% ในไตรมาส 3/22 และ 66% ในไตรมาส 4/21) หนุนจากอุปสงค์การพักผ่อนของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีจํานวนกลับมาเที่ยวไทยกว่า 65% ของค่าเฉลี่ยรายเดือนในปี 2019 แล้วในเดือนธ.ค. 2022 ขณะที่ Valuation ยังไม่แพงมากนัก