บล.บัวหลวง:

Thaifoods Group (TFG TB/TFG.BK)

TFG – กำไรหลักสูงกว่าคาด; แนวโน้มกำไรปี 2566 ที่ลดลง YoY

กําไรสุทธิเป็นไปตามคาด แต่กำไรหลักสูงกว่าคาด

TFG รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 1.13 พันล้านบาท เติบโตแข็งแกร่ง 695% YoY แต่ลดลง 35% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 4/65 ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 57 ล้านบาท ผลขาดทุนของสินทรัพย์ ชีวภาพ 288 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ 25 ล้านบาท กําไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงิน 19 ล้านบาท และการกลับรายการขาดทุนจากการประเมินมูลค่าที่ดินใหม่ 1 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.37 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนหลัก 102 ล้านบาทในไตรมาส 4/64 แต่ลดลง 26% QoQ ทั้งนี้กำไรสุทธิเป็นไปตามที่เราคาด แต่กําไรหลักสูงกว่าเราคาด 35% เนื่องจากยอดขายที่สูงกว่าคาดและภาระภาษีจ่ายที่ต่ำกว่าคาด ยอดขายสูงกว่าที่เราคาดมากถึง 40% จากยอดขายธุรกิจไก่และธุรกิจหมูที่สูงกว่าคาด อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ที่ 16.9% ถือว่าต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้าที่ 19.2% (และเทียบกับ 8.5% ในไตรมาส 4/64 และ 21.2% ในไตรมาส 3/65) กำไรหลังหักภาษีสูงกว่าที่เราคาด 37%

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ผลประกอบการหลักที่พลิกกลับเป็นกำไร YoY ได้รับปัจจัยหนุนจากกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นของธุรกิจไก่ ธุรกิจหมู และธุรกิจอาหารสัตว์ (โดยปัจจัยหลักมาจากราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้นของทุกธุรกิจ) ซึ่งกลบผลกระทบของค่าใช้จ่ายใน การขายและบริหารและภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ในขณะที่กำไรหลักที่ลดลง QoQ เป็นผลมาจากช่วงโลว์ซีซั่น ทําไรจากธุรกิจหมูที่ลดลง (จากราคาหมูที่ปรับตัวลดลง) และผลขาดทุนของธุรกิจร้านค้าปลีกของบริษัทที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ราคาไก่มีชีวิตและราคาหมูมีชีวิตของไทยเริ่มปรับตัวลดลง ตั้งแต่เดือนธ.ค. จนถึงเดือนก.พ. และสําหรับในไตรมาส 4/65 ราคาตลาดสําหรับหมูมีชีวิตไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 101.7 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 32% YoY แต่ลดลง 1% QoQ ในขณะที่ราคาไก่มีชีวิตไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 44.7 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 35% YoY แต่ลดลง 4% QoQ รายได้ธุรกิจไก่ของ TFG ในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 6.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% YoY และ 1% QoQ โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาขายผลิตภัณฑ์ไก่ที่เพิ่มขึ้นแรง (67.1 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 56% YoY และ 2% QoQ) รายได้ธุรกิจหมูของ TFG ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.37 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% YoY (แต่ลดลง 3% QoQ) โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาขายผลิตภัณฑ์หมูที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก (97.6 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 32% YoY แต่ลดลง 7% QoQ) ทั้งนี้ถ้าพิจารณาผลประกอบการจากการดำเนินงานธุรกิจไก่ พลิกกลับจากขาดทุนจากการดำเนินงานที่ 15 ล้านบาทในไตรมาส 4/64 ไปเป็นกำไรจากการดำเนินงานที่ 1.02 พันล้านบาทในไตรมาส 4/65 ในขณะที่กําไรจากการดำเนินงานของธุรกิจหมูเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 53% YoY แต่ลดลง 55% QoQ

แนวโน้ม

เราเห็นสัญญาณเชิงลบ ได้แก่ ราคาหมูมีชีวิตไทยและราคาไก่มีชีวิตไทย ปรับตัวลงแรงในเดือนก.พ. 2566 เป็นต้นมา เราเชื่อว่าเป็นผลมาจากอุปทานที่เพิ่มสูงขึ้น (ไม่ว่าจะเป็นอุปทานลูกหมู ลูกเจี๊ยบ ไก่ และหมู ที่เตรียมเข้าโรงเชือด) ราคาหมูมีชีวิตในกทม. ปรับตัวลดลง 13% ภายในระยะเวลา 1 เดือน (จาก 96 บาท/กก. ในช่วงต้นเดือนก.พ. ลดลงเหลือ 84 บาท/กก. ในช่วงปลายเดือนก.พ.) ในขณะที่ราคาไก่มีชีวิตในกทม.ปรับตัวลดลงเช่นกัน 4% ในเดือนก.พ. (จาก 41 บาท/กก. ลง มาเหลือ 39.5 บาท/กก.) นอกจากนี้ราคาลูกหมูก็ปรับตัวลดลง 25% ภายในระยะเวลาเพียงแค่เดือนเดียว (จาก 3,200 บาท/ตัวเหลือ 2,400 บาท/ตัว) ส่วนราคาลูกเจี๊ยบก็ปรับตัวลดลงแรงถึง 27% ในเดือนก.พ. (จาก 18.50 บาท/ตัวเหลือ 13.50 บาท/ตัว) สัญญาณดังกล่าวบ่งบอกถึงอุปทานลูกหมูและลูกเจี๊ยบที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบต่อราคาไก่มีชีวิตและราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์มในอนาคต และเนื่องจากราคาหมูมีชีวิตและราคาไก่มีชีวิตที่ปรับตัวลดลงในไตรมาส 1/66 ถ้าอิงกับราคาเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันที่ 40.5 บาท/กก. สําหรับราคาไก่มีชีวิต (ลดลง 9% QoQ) และ 92 บาท/กก. สําหรับราคาหมูมีชีวิต (ลดลง 10% QoQ) เราเชื่อว่ากำไรไตรมาส 1/66 มีแนวโน้มที่จะลดลงแรง QoQ โดยเราคาดกำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY แต่ลดลง 49% QoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

เนื่องจากความคาดหวังต่อกำไรไตรมาส 1/66 ที่ลดลงจากเดิม เราจึงทําการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2566 ลงอีก 23% (เหลือ 4.04 พันล้านบาท) เพื่อสะท้อนราคาหมูไทยและราคาไก่ไทยที่ปรับลดลง และอัตรากําไรขั้นต้นที่ปรับลดลง (จาก 19.3% เหลือ 16.6%) ทั้งนี้ราคาเป้าหมายของเราปรับลดลงอีก 23% (เหลือ 8.3 บาท)

คําแนะนํา

ถึงแม้ว่ากําไรปี 2566 จะมีแนวโน้มลดลง YoY แต่เราก็ยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TFG เนื่องจากมูลค่าที่ยังคงถูก โดยมี PER ปี 2566 อยู่เพียงแค่ 7.9 เท่าเทียบกับจุดสูงสุด PER เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ 9 เท่า

- Advertisement -