แนะเพียง Trading เน้นหุ้นที่กำไรยังแข็งแกร่ง
กรอบ SET INDEX 1645-1660
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 1.92 แสนรายดีกว่า Bloomberg คาดการณ์ไว้ที่ 2 แสนราย นอกจากนี้ยังรายงาน GDP 4Q22 ที่ 2.7%QoQ แต่ต่ำกว่า Bloomberg คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% QoQ องค์ประกอบภายในพบว่าการบริโภคยังอ่อนแอขยายตัวเพียง 1.4% QoQ และการบริโภคสินค้าคงทนหดตัว 1.8% QoQ โดยได้แรงหนุนเพียงจากกลุ่มบริการที่ขยายตัว 2.4%QoQ ด้านการลงทุนภาคเอกชนแม้จะขยายตัว 3.7% QoQ แต่พบว่าการก่อสร้างภาคอสังหาริมทรัพย์ หดตัว 26% QoQ พร้อมกับการนำเข้าที่หดตัว 4.2% QoQ ตัวเลขข้างต้นคล้ายกับว่าสะท้อนถึงเศรษฐกิจภายในสหรัฐฯ ที่ยังมิได้แข็งแกร่ง โดยภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่า US Bond Yield อายุ 10 ปีปรับลง สะท้อนถึงนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและดอกเบี้ยอย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น จากนี้ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ประกอบด้วย โดยคืนนี้สหรัฐฯ มีกำหนดรายงาน PCE ประจำเดือนม.ค. Bloomberg ประเมินไว้ที่ 5% YoY, 0.5% MoM พร้อมกับยอดขายบ้านมือหนึ่งของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 6.2 แสนหลังคาเรือน โดยสถิติแล้วค่าเฉลี่ยของ FED Rate-PCE จะอยู่ราว1.4% หรือบ่งชี้ว่าหากเงินเฟ้อ PCE เฉลี่ยที่ 5% ดอกเบี้ยจะอยู่ราว 6.5% ก็ต้องติดตามว่าหลังจากนี้เงินเฟ้อ PCE จะเป็นเท่าใด หากค้างระดับสูงที่ 5% ก็มีความเป็นไปได้ที่ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นต่อ ซึ่งปัจจุบันตลาดคาด Terminal Rate ไว้ 5.5%
ปัจจัยในประเทศ ยังเน้นที่ผลประกอบการ 4Q22 SET100 ล่าสุดรายงานออกมาแล้ว 56 บริษัท พบว่าใน 56 บริษัท (45% หรือ 25 บริษัทรายงานกําไรที่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์, 34% หรือ 19 บริษัทรายงานกำไรที่เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์, 21% หรือราว 12 บริษัทรายงานกำไรดีกว่านักวิเคราะห์คาด) ดังนั้นข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่ากำไรส่วนใหญ่ค่อนข้างต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1645–1660
เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเพียงแค่ Trading เช่นเดิมพร้อม เน้นย้ำใช้ปริมาณเงินเพียงเล็กน้อย เน้นหุ้นที่กำไรยังแข็งแกร่ง อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA, VRANDA) กลุ่มที่ผลกระทบจากเศรษฐกิจมิได้เยอะมาก อาทิ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH, BDMS, CHG) กลุ่มได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (ASIAN, TU)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TU ราคาพื้นฐาน 23.50 บาท
มองว่าแนวโน้มในปี 23 กำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต หลังจากชะลอไปในปี 22 ด้วยการฟื้นตัวจากธุรกิจอาหารแช่แข็ง หลังมีการปรับราคาไปในปีก่อน รวมถึงธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ยังคงเติบโตได้ดีหลังเตรียมบุกตลาดจีนและยุโรป
GLOBAL ราคาพื้นฐาน 22.00 บาท
คาดยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะลดลงในครึ่งแรกปี 2023 จากราคาขายสินค้าเหล็กที่ลดลง เพราะ SSSG ที่ติดลบหลักหน่วย ปลายในเดือนม.ค. 2023 แต่เชื่อว่าจะพลิกเป็นบวกในครึ่งหลังปี 2023 หนุนจากการบริโภคที่ปรับดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นภาครัฐก่อนเลือกตั้ง