บล.บัวหลวง:
JMT Network Services (JMT TB/JMT.BK)
JMT – ภาพการเติบโตของธุรกิจชัดเจน
ภาพการเติบโตของธุรกิจชัดเจน
ราคาหุ้นของ JMT ปรับตัวลดลง 15% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มในปี 2566 แต่เราคาดกำไรจะเติบโตได้ดีในปีนี้ หนุนจากการเก็บหนี้ การซื้อหนี้จำนวนมาก และรายได้จาก JKAMC (บริษัทร่วมทุนกับ KBANK)
แนวโน้มการเก็บหนี้ที่ดี
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเลือกตั้งครั้งต่อไป (ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือน พ.ค.) จะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ดังนั้น เราจึงคาดการเก็บหนี้ของ JMT จะปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ บริษัทกำลังขยายการซื้อหนี้ ดังนั้นจะ ส่งผลให้บริษัทมีหนี้ในการขยายการเรียกเก็บเงินสดมากขึ้น นอกจากนี้ การฟ้องร้องดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการชำระหนี้ (JMT ใช้จ่ายเงิน 40 ล้านบาท สําหรับค่าธรรมเนียมทางกฎหมายในไตรมาส 4/65) ดังนั้นเราคาดว่าการเก็บหนี้ในปี 2566 จะอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoY (บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 7-8 พันล้านบาท) อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำาไรปี 2566 สูงถึง 12% หาก JMT เก็บหนี้ได้ 8 พันล้านบาท
อุปทานสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปีเพิ่มขึ้น
ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ชี้อหนี้ใหม่จํานวน 4.6 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเงื่อนไขไม่เอื้ออำนวย โดยการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายใหม่ ส่งผลให้ราคาหนี้เพิ่มสูงขึ้น และมาตรการในช่วงโควิดของ ธปท. เพื่อช่วยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาชะลออุปทานของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากธนาคาร แต่โครงการ ธปท. หมดอายุ ณ สิ้นปี 2564 และลูกหนี้ที่มีปัญหาบางส่วนยังคงเป็นผู้ด้อยคุณภาพ ที่ผ่านธนาคารพาณิชย์ชะลอการปรับชั้นลูกหนี้ แต่โดยรวมหนี้ดังกล่าวเริ่มไหลสู่หนี้เสียมากขึ้น ดังนั้นลูกค้าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะเข้าสู่ตลาดมากขึ้นในปีนี้ ณ สิ้นเดือนก.ย. 2565 หนี้ครัวเรือนในประเทศไทยมีมูลค่ารวม 14.9 ล้านล้านบาท และสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ 87% (ลดลงเล็กน้อยจาก 90% ในปี 2564) ตามข้อมูล ของธปท.
นอกเหนือจากธนาคาร ผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่บางรายในตลาดสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารรายงานในงบการเงินไตรมาส 4/65 ว่าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และสินเชื่อที่กล่าวถึงเป็นพิเศษเพิ่มขึ้นอย่างมาก ณ สิ้นปี 2565 และสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อของบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ณ สิ้นปี 2565 ตามข้อมูลของธปท. ดังนั้นเราคาดว่า JMT จะสามารถซื้อหนี้ใหม่จํานวน 5.5 พันล้านบาทในปีนี้ได้ค่อนข้างง่าย (ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 1.0-1.5 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 4.6 พันล้านบาทในปี 2565
JKAMC ปัจจัยใหม่หนุนการเติบโต
ในเบื้องต้น JKAMC มีแผนที่จะรับบริหารหนี้ที่มีมูลค่าที่ตราไว้ 5 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 และ 1 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2568 แต่ ณ สิ้นปี 2565 JKAMC มีหนี้ 70,000 ล้านบาท ภายใต้การบริหารแล้ว KBANK มีแผนที่จะโอนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มากขึ้นให้กับบริษัทของกิจการร่วมทุนในปี 2566 ดังนั้น JKAMC น่าจะมีกองหนี้รวม 1 แสนล้านบาท ในปลายปีนี้ ปัจจุบันเรามองว่าหนี้ของ JKAMC อยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาทในปี 2566 หากรับบริหารหนี้ 1 แสนล้านบาทในปีนี้ จะมีอัพไซด์ 2% ต่อประมาณการกำไรปี 2566 ของ JMT ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY