บล.ทรีนีตี้

โรงพยาบาลจุฬารัตน์ – CHG

ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท, Upside/Downside +22%, Median Consensus 4.28 บาท

Non-COVID ทะลุช่วง Pre-COVID

  • รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 285.3 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 10.4% QoQ แต่ลดลง 84.3% YoY จากรายได้ที่ 1.72 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 15% QoQ และ 55% YoY
  • รายงานกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 2.78 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 34% YoY จากรายได้รวมที่ 1.04 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลดลง 13.3% YoY จากฐานที่สูงในปี 2564 และจากรายได้ COVID-19 ที่ลดลง
  • คาดกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 1.55 พันล้านบาท ปรับตัวลดลงตามรายได้ และคาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับสู่ปกติ  โดยจะเห็นการเติบโตของ Non-COVID และประกันสังคม
  • ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท โดยวิธี DCF อิงค่า WACC ที่ 8.2%

4Q65 Earnings Review

  • รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 ที่ 285.3 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 10.4% QoQ แต่ลดลง 84.3% YoY จากรายได้ที่ 1.72 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 15% QoQ และ 55% YoY การปรับตัวลดลง QoQ มาจากปัจจัยฤดูกาล และลดลง YoY จากสัดส่วนรายได้จาก COVID-19 ที่ลดลง รายได้จากกลุ่มเงินสด OPD ปรับตัวลดลง 38% YoY แต่รายได้จากกลุ่มเงินสด IPD ปรับตัวสูงขึ้น 29% YoY จากการกลับมารับการรักษาของผู้ป่วยทั่วไปที่มีความซับซ้อนสูง ในขณะที่รายได้จากกลุ่มประกันสังคมปรับตัวสูงลดลง 7% YoY และรายได้จากกลุ่ม NHSO ปรับตัว ลดลง 100% YoY หลังจากภาครัฐยกเลิกการเบิกจ่ายการรักษา COVID-19 ให้เป็นไปตามสิทธิแทน Gross Margin ใน 4Q65 อยู่ที่ 28.6% จาก 27% ใน 3Q65 แต่ปรับตัวลดลงจาก 60% ใน 4Q64 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามสัดส่วนรายได้ที่เกี่ยงข้องกับ COVID-19
  • รายงานรายได้ปี 2565 ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลดลง 13.3% YoY โดยที่เป็นสัดส่วนรายได้จากกลุ่มโรงพยาบาลที่ 1.01 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลดลง 14% YoY และมีกำไรสุทธิ ที่ 2.78 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ที่ 3.13 พันล้านบาท โดยมี Gross Margin อยู่ที่ 41.5% จาก 50% ในปี 2564
  • สัดส่วนรายได้จากกลุ่มคนไข้เงินสดปรับตัวสูงขึ้น 22% YoY จากกลุ่ม OPD ที่ปรับตัวสูงขึ้น 13% YoY และ IPD ปรับตัวสูงขึ้น 36% YoY, รายได้จากกลุ่มประกันสังคมปรับตัวสูงขึ้น 11% YoY จากจำนวนผู้ประกันตนปรับตัวสูงขึ้น และมีการรับรักษาโรค Adj RW Z2 เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่รายได้กลุ่ม NHSO ปรับตัวลดลง 50% YoY หลังจากยกเลิกการเบิกจ่ายคารักษา COVID-19

รายได้และ Margin กลับสู่ระดับปกติ

  • ยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565-2567 ที่ 1,55 พันล้านบาท และ 1.64 พันล้านบาท ตามลำดับ จากคาดการณ์รายไดที่ 7.71 พันล้านบาท และ 8.16 พันล้านบาท
  • รายได้ non-CQVID คาดสูงกว่าช่วงปี 2562 เนื่องจากมีการรักษาโรคซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่รายได้จากกลุ่มประกันสังคมเติบโตได้ดีจากจำนวนผู้ประกันตนที่ 5.2 แสนราย และการเปิดโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง
  • Upside ของคาดการณ์ ได้แก่ รายได้จากการรับตรวจ RT-PCR ของนักท่องเที่ยวจีน ก่อนบินกลับประเทศ และการปรับเพิ่มการเบิกจ่ายของกลุ่มประกันสังคม

ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท ด้วยวิธี DCF อิง WACC ที่ 8.2% โดยปัจจุบัน CHG เทรดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 29X แม้ว่ารายได้และกำไรปี 2566-2567 จะลดลงจากฐานที่สูง แต่เรามองว่าจะเป็นการกลับสู่สถานการณ์ปกติที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ทั้ง D/E ที่ระดับต่ำ และ Margin ที่ดีขึ้นจากช่วง Pre-COVID ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.075 บาท/หุ้น XD วันที่ 28 เม.ย. 2566

ความเสี่ยง : COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจส่งผลให้จำนวนผู้ป่วย Non-COVID ลดลง, การแข่งขันตามราคา

ปัจจัยเสี่ยง

  • ความเสี่ยงจากการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ และบุคลากรวิชาชีพเฉพาะทาง
  • ความเสี่ยงจากการแข่งขันในธุรกิจ
  • ความเสี่ยงจากการผันผวนของรายได้ตามฤดูกาล
  • การระบาดของ COVID-19 ที่ยาวนาน และผลกระทบต่อการจ้างงาน
  • อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อาจกดดัน Margin

 

- Advertisement -