บล.บัวหลวง:

Indorama Ventures (IVL TB/IVL.BK)

IVL – ไตรมาสที่แย่ที่สุดผ่านไปแล้ว; คาดปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 1/66

ต่ำกว่าทุกคาดการณ์

IVL รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 11,480 ล้านบาท พลิกกลับจากรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/64 และไตรมาส 3/65 หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,388 ล้านบาท ลดลง 76% YoY และ 86% QoQ ผลประกอบการต่ำกว่าคาดการณ์กำไรสุทธิของเราและตลาด (ที่ 1-2 พันล้านบาท) เนื่องจากปริมาณขายต่ำกว่าคาดและขาดทุนพิเศษมากกว่าคาด IVL ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับไตรมาส 4/65 ที่ 0.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 1.1% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 3 พ.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 19 พ.ค.)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ขาดทุนพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน, สินค้าคงคลัง, การด้อยค่าสินทรัพย์, และผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ผลประกอบการปรับตัวลดลง ในด้านการดำเนินงาน ปัจจัยหลักที่กดดันกำาไรหลัก ได้แก่ 1) กำไรจาก ธุรกิจ PET ที่ลดลง (ปริมาณขายที่ลดลงและส่วนต่างราคา PET ที่ลดลง), 2) กําไรจากธุรกิจ Integrated Oxide & Derivatives (IOD) ที่ลดลง (ปริมาณขายที่ลดลงและส่วนต่างราคาที่ลดลง), 3) กําไรจากธุรกิจไฟเบอร์ที่ลดลง (ปริมาณขายที่ลดลงและส่วนต่างราคาที่ลดลง), 4) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9.9% จาก 9.4% ในไตรมาส 3/65, และ 5) ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น

โดยสรุปปริมาณขายของ IVL ในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 3.2 ล้านตัน (ลดลง 14% YoY และ 16% QoQ) และ Core EBITDA/ตัน เฉลี่ยอยู่ที่ 83 เหรียญสหรัฐ (ลดลง 34% YoY และ 48% QoQ)

แนวโน้ม

เราคาดว่ากําไรหลักของ IVL จะลดลง YoY ในไตรมาส 1/66 ซึ่งถูกกดดันโดยส่วนต่างราคาบางผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง เช่น ส่วนต่างราคา PET ตลาดจร (ทางเอเชียและฝั่งตะวันตก) และส่วนต่างราคา MEG (สหรัฐอเมริกา) อย่างไรก็ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และส่วนต่างราคา PET ตามสัญญา (ทางฝั่งตะวันตก) และส่วนต่างราคา MTBE ที่สูงขึ้น YoY น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อการอ่อนตัว YoY ของกําไรหลักได้บางส่วน กําไรหลักของบริษัทคาดว่าจะขยายตัว QoQ หนุนโดยปริมาณขายที่สูงขึ้น, ส่วนต่างราคา PET ตลาดจรที่ขยายตัวขึ้น (ทางเอเชียและฝั่งตะวันตก), ส่วนต่างราคา PET ตามสัญญาที่สูงขึ้น (ทางฝั่งตะวันตก), และต้นทุนพลังงานที่ลดลง ปกติแล้วไตรมาสแรกของปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นสําหรับอุปสงค์ PET ดังนั้นส่วนต่างราคา PET มีแนวโน้มสูงขึ้น QoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลง 12% มาอยู่ที่ 41,099 ล้านบาท เพื่อสะท้อนการปรับลดสมมติฐานส่วนต่างราคา PET ลง 14% มาอยู่ที่ 310 เหรียญสหรัฐ/ตัน เราปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) มาอยู่ที่ 66 บาท (จาก 69 บาท) (WACC ที่ 9.7% และ Terminal Growth ที่ 2.0%

คำแนะนำ

ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่น่าผิดหวังอาจสร้างมุมมองเชิงลบต่อราคาหุ้นในระยะสั้น เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้น จากคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่จะเติบโต QoQ มูลค่าหุ้นปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2566 ที่เพียง 0.9 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.8 เท่าอยู่ 1.1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายของเราจากการลงทุน/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่

- Advertisement -