Our View? “รีบาวด์บ้างอะไรบ้าง”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,625 / 1,620 และแนวต้านที่บริเวณ 1,630 / 1,640 คาดตลาดจะแกว่งตัวออกด้านข้าง หลังปรับตัวลงรับรู้ความกังวลระยะสั้นจากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ม.ค. ออกมาเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ เป็นเครื่องยืนยันถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่เริ่มเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง กระตุ้นความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน มี.ค. นี้ ส่งผลให้ตลาดปรับตัวลดลงแรงในช่วงก่อนหน้าไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี เรามองเช้านี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มชะลอกำลังลงบ้างแล้ว โดยล่าสุด Dollar Index เริ่มอ่อนตัวลงสู่ระดับ 104.6+/- หลังจากพยายามขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 105.35+/- ลดทอนจิตวิทยาเชิงลบต่อแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาคในด้านอัตราแลกเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) ชะลอกำลังลงเช่นกัน โดยรุ่น 10 ปียังคงไม่สามารถขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เหนือระดับ 4.00% คาดจะสามารถจำกัด Downside ของตลาด และกระตุ้นตลาดรีบาวด์ได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้น้ำหนักหลักไปที่การติดตามการประชุม FOMC ของสหรัฐในวันที่ 21-22 มี.ค. ขณะที่เมื่อคืนนี้ตัวเลขดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) เดือน ม.ค. ปรับตัวขึ้น +8.1% MoM สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก และเป็นปัจจัยชี้นำถึงเงินเฟ้อทางฝั่งอสังหาฯ อาจไม่ลดลงเร็วเท่าที่ FED คาดไว้ โดยตลาดเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ที่ระดับ 0.50% ในเดือน มี.ค. โดย CME FED Watch Tools เริ่มเพิ่มความน่าจะเป็นที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ที่ระดับ 25.0-30.0% จากช่วงก่อนหน้าที่เพียง 2.0-5.0% รวมทั้งยังคาดว่า FED จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้จนกว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐจะปรับตัวลงเข้าสู่ระดับ 2.0% จะเป็นปัจจัยหลักว่ากัด Upside การฟื้นตัวขึ้นของตลาดได้เช่นกัน
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อคืนนี้นี้เริ่มชะลอกำลังลงอีกครั้ง ปิดที่ระดับ 75.68 ดอลลาร์/บาร์เรล –0.64 ดอลลาร์ (-0.84%) ได้รับแรงกดดันจากแนวโน้ม FED เร่งขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งเช่นกัน คาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้ต่อ
สำหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงมีความกังวลต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่ขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง ตามกลับมาอ่อนค่าของค่าเงินบาทที่ล่าสุดขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่บริเวณ 35.00 บาท+/- รวมทั้งการรายงานผลประกอบการ 4Q’65 ของตลาดหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยในเดือน ก.พ. นี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยไปกว่า 4.01 หมื่นล้านบาท และทำธุรกรรมฝั่ง Short SET50 Index Futures ไปกว่า 1.17 แสนสัญญา คาดจะเป็นปัจจัยหลักกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ตาม เราเริ่มเห็นการกลับมาปรับขึ้น คาดการณ์ EPS ของตลาดหุ้นไทยในปี’66 จากก่อนหน้าที่มีการปรับลดคาดการณ์กำไรของตลาดลงอยู่เพียง 90.0 บาท+/- เริ่มเร่งขึ้นกลับไปที่ระดับ 104.8 บาทในเช้าวันนี้ คาดจะสามารถลดทอนแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติได้ บ้าง
โดยเรายังคงแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นในบางกลุ่ม ที่ถึงแม้ผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีนี้ อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) และ 2). หุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL และ SCB) 3.) กลุ่มปิโตรเคมี (SCC, PTTGC และ IVL) เรามองราคาอ่อนตัวลงรับรู้การรายงานผลประกอบการ 4Q′65 ไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง รวมทั้งสัปดาห์นี้แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ม.ค. คาดมีโอกาสที่อาจจะเป็นภาพการฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ดีมากขึ้นตามการเปิดประเทศของจีน มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อ หุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA และ SVI)
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “KCE”
กลยุทธ์ แนวรับ 46.50 / 45.50 Target 50.00 / 53.00 Stop <44.50