ยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ มองตลาดเคลื่อนไหวจำกัด

กรอบ SET INDEX 1620-1634

Market Outlook

ภาพรวมยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ ที่มีนัยยะสำคัญ นักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อพิจารณาความเห็นเกี่ยวกับเงินเฟ้อและดอกเบี้ย รวมไปถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 4Q22 ข้อมูลล่าสุดพบว่า SET 100 รายงานออกมาแล้วราว 79 บริษัท มีกำไรสุทธิรวมกันที่ 1.2 แสนล้านบาท (-34% YoY, -27% QoQ) หลักๆ ถูกกดดันจากกลุ่ม Global Play อาทิ ปิโตรเคมี (IVL, PTTGC, IRPC) กลุ่มโรงกลั่น (BCP, ESSO, SPRC) ถ่านหิน (BANPU) รวมไปถึงกลุ่มที่มีสินค้าโภคภัณฑ์เป็นต้นทุน (CBG, OSP) โรงไฟฟ้า (GPSC) และหากเปรียบเทียบกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ (74 บริษัท) พบว่า 46% ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ 30% เป็นไปตามที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ และมีเพียง 24% ที่ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ปัจจัยข้างต้นสะท้อนถึงผลประกอบการในภาพรวมที่ส่วนมากแล้วออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่วนกลุ่ม Domestic Play แม้รายได้จะขยายตัวได้ดีแต่เผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงจากค่าสาธารณูปโภค  และค่าแรงพนักงานภาพรวมอื่นๆ พบว่าค่าเงินบาทยังคงทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง นับเป็นปัจจัยกดดันกระแสเงินทุนต่างชาติที่ขายสุทธิต่อเนื่องติดต่อกันแล้วกว่า 7 วันทำการ อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นบวกกับกลุ่มส่งออก (ASIAN, TU) ส่วนคืนนี้ติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ CB Bloomberg ประเมินไว้ที่ 108.5 ดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ 107.1 แต่หากออกมาสูงกว่าคาดจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei) เช้านี้เคลื่อนไหวกรอบแคบเพียง 0.5% เมื่อประกอบกับ Dow Jones ที่เคลื่อนไหวกรอบแคบ (+0.2%) และภาพรวมยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ ส่งผลให้เชื่อว่า SET INDEX วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1620-1634

ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังคงเน้นเพียง Trading เช่นเดิม เนื่องจากภาพข้างหน้ายังเผชิญหลายปัจจัยกดดัน ทั้งดอกเบี้ยปรับขึ้น เงินเฟ้อลดลงยาก ส่วนหุ้นแนะนำเน้นที่อิงกับรายได้ในประเทศ อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA, SHR VRANDA) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) โรงพยาบาลขนาดใหญ่ (BDMS) กลุ่มส่งออก (ASIAN ,TU) ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ผลประกอบการ 4Q22 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะมีค่าใช้จ่ายพิเศษด้านพนักงาน

หุ้นแนะนําซื้อวันนี้

ICHI ราคาพื้นฐาน 15.00 บาท

กำไรสุทธิไตรมาส 4/22 แตะจุดสูงสุดในรอบ 27 ไตรมาสที่ 193 ล้านบาท (+45% YoY, ทรงตัว QoQ) ดีกว่าที่เราคาดเพราะอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่แข็งแกร่งกว่าคาด พร้อมคาดว่ากำไรสุทธิปี 2023 จะทำจุดสูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 779 ล้านบาท (+28% YoY) หนุนจากการรับรู้รายได้เต็มปีของตันซันซู อุปสงค์ชาเขียว พร้อมดื่มที่โตขึ้น การเปิดตัวสินค้าใหม่

ILM ราคาพื้นฐาน 24.00 บาท

กำไรสุทธิไตรมาส 4/22 แตะจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดที่ 183 ล้านบาท (+21% YoY, +20% QoQ) ตามที่เราคาดหนุนจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 4% ผลจากยอดขายจากสาขาหน้าร้านและงานโครงการที่ฟื้นตัวดี ขณะที่ภาพระยะกลางสดใส มีแผนขยาย 3 สาขา หรือราว 10% ของสาขาทั้งหมดในปี 2023-2024

- Advertisement -