บล.ทรีนีตี้

บมจ. ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ – TEGH

ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท, Upside/Downside +27%, Median Consensus 6.60 บาท

กำไร 4Q65 ดีขึ้นจากการฟื้นตัวของธุรกิจปาล์ม

  • กำไร 4Q65 อยู่ที่ 163 ล้านบาท ดีขึ้น 6%QoQ และ 7%YoY ต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย
  • ธุรกิจยางอ่อนตัวจากราคายางในตลาดโลกที่ลดลง และลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อตามฤดูกาล
  • แต่ธุรกิจปาล์มมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรแล้วเสร็จ
  • คาดกำไรปี 66 เติบโตราว 16%YoY หลังธุรกิจปาล์มจะดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจยางจะเริ่มกลับมาดีขึ้นหลังราคายางเริ่มฟื้นตัวตามการเปิดเมืองของจีน
  • คงราคาเป้าหมาย 6.6 บาท ยังคงมี Upside จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

กำไร 4Q65 ดีขึ้นจากการฟื้นตัวของธุรกิจปาล์ม

TEGH ประกาศกำไร 2565 ที่ 684 ล้านบาท ดีขึ้น 22%YoY โดยกำไรงวด 4Q65 อยู่ที่ 163 ล้านบาท ดีขึ้น 6%QoQ และ 7%YoY ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าเล็กน้อยราว 7% โดยรายได้รวมอ่อนตัว 14%QoQ จากราคาขายยางในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงตามสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ บวกกับปริมาณขายยางที่ลดลงตามฤดูกาล เนื่องจากลูกค้าซะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอผลิตยางในรอบปีใหม่ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 11.2% มาอยู่ที่ 10.9% แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางจะลดลง (4Q65 ที่ 12.5% เทียบกับ 3Q65 ที่ 16.5%) แต่อัตรากำไรขั้นต้น ของธุรกิจปาล์มปรับตัวดีขึ้น (4Q65 ที่ 3.5% เทียบกับ 3Q65 ที่ 8.6%) หลังธุรกิจปาล์มฟื้นตัว หลังการปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักรแล้วเสร็จ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องอัตราการสกัดน้ำมันปาล์ม เนื่องจากปาล์มเข้าสกัดไม่ทัน ซึ่งส่งผลให้อัตราการสกัดน้ำมันปาล์มต่ำและมีสัดส่วนกรดไขมันอิ่มตัวสูงกระทบต่อราคาขาย

เริ่มเห็นราคายางฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจปาล์มจะดีขึ้นต่อเนื่อง

เราคาดกำไรปี 2566 จะเติบโตได้ราว 16%YoY จากธุรกิจปาล์มที่ฟื้นตัวขึ้นหลังการปิดซ่อมบำรุง และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ทำให้สามารถกลับมาเดินกำลังการผลิตได้เต็มที่ และจะมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจยางที่อ่อนตัวลงใน 4Q65 จะเริ่มฟื้นตัว ได้ตามแนวโน้มของราคายางในตลาดโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น  เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางรายใหญ่ของโลกกลับมาเปิดประเทศ นอกจากนี้ธุรกิจพลังงานทดแทนและกำจัดของเสียจะปรับตัวดีขึ้นมากจากการขยายกำลังการผลิต ซึ่งในส่วน Biogas จะมีการขายไปยังภายนอกมากขึ้น ส่วนการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าจะช่วยลดต้นทุนของบริษัท

คงราคาเป้าหมาย 6.6 บาท

เราคงราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 6.6 บาท อิง PER 8.9 เท่า ด้วย Upside จากราคาเป้าหมาย บวกกับบริษัทจ่ายปันผลอีก 0.26 บาท (XD 13 มี.ค. 66) คิดเป็น Div.Yield ราว 5% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง: ความผันผวนของราคายางและปาล์มน้ำมัน

- Advertisement -