เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 35บาท/ดอลลาร์ ต่างชาติยังขายหุ้นไทย

ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ 1,622.35 จุด ลดลง 5.00 จุด (-0.31%) มูลค่าการซื้อขาย 80,307.99 ล้านบาท มีความผันผวนเข้ามาในช่วงท้ายตลาด จากแรงเก็งกำไรหุ้นที่ MSCI ประกาศนำเข้า- ออกจากดัชนี

แนวโน้มตลาดวันนี้… กังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่แรงและยาวนานกว่าคาด หลัง Fed Fund Futures ให้ภาพว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งหมายความว่า อัตราดอกเบี้ยสูงสุดของเฟดจะอยู่ที่ 5.4% ภายในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 4.75% ส่งผลต่อ US bond yield อายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือ ระดับ 4% รวมถึง Dollar index ที่ยังแข็งค่าต่อเนื่องที่ระดับ 105 จุด กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และกระทบต่อความกังวลเรื่อง Fund flow ไหลออกในตลาดหุ้นไทย หลังค่าเงินบาทที่อยู่อ่อนค่ากว่า 6.5%MTD จนแตะระดับ 35.25 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี turning point ค่าเงินบาท และ fund flow ไหลกลับ ได้แก่ 1. การประกาศยุบสภา และเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ 2. ค่าเงินบาทในระดับปัจจุบันใกล้เคียงระดับค่าเฉลี่ยในปี 65 และ 3. ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัว ล่าสุด ธปท. ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเดือน ก.พ. จะเดินหน้าฟื้นตัวต่อตามการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงแนวโนมอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ช่วยหนุนกลุ่ม BANK, Finance และ Domestic play ที่ปรับตัวลงแรง และมีโอกาสถูก Covered short กลับมา หลังนักลงทุนต่างชาติเปิดสถานะ Short กว่า 2.2 แสนสัญญา YTD 4.ปัจจัยหนุนจากการเลื่อนเก็บภาษีหุ้นที่มีโอกาสไม่ทันเริ่มใช้ในพ.ค. 66 นี้ ซึ่งตลาดรับรู้ปัจจัยลบนี้ไปพอสมควรแล้ว ดังนั้น จะเป็นผลดีต่อตลาดทุนไทยและดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติในเชิงบวกมากขึ้น และช่วยให้นักลงทุนกลับมา focus ที่ปัจจัยพื้นฐานของประเทศมากขึ้น

ส่วนวันนี้ติดตาม … ตัวเลข Manufacturing PMI (ก.พ.) จีน หากออกมาสูงกว่าคาดที่ 52.6 เป็น sentiment เชิงบวกของการลงทุนในภูมิภาค

กลยุทธ์การลงทุน… ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway แนะนํา Trading ในกรอบ 1618-1640 แนะนำ Selective buy ในกลุ่มธนาคาร-การเงินที่ downside risk จำกัด เราชอบ SCB KBANK KKP MTC กลุ่ม Domestic play AOT AAV AWC ERW CPN CPALL BJC OSP CBG และกลุ่มเดินเรือตามค่า BDI ปรับตัวขึ้น PSL RCL ITA

เคาะไป คุยไป AAV

  • AAV รายงานงบปี 65 ขาดทุนสุทธิ 8 พันล้านบาท เทียบกับปี 64 ที่ ขาดทุน 6.6 พันล้านบาท แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นกว่า 306% YoY มาจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 200% และปริมาณที่นั่งเพิ่มขึ้น 176%YoY ทั้งนี้เมื่อเทียบกับช่วง Pre-COVID ปริมาณที่นั่งของเที่ยวบินในประเทศฟื้นตัวขึ้นถึง 63% YoY ส่วนต่างประเทศไม่รวมจีนฟื้นตัว 31%YoY โดยหลักมาจากเที่ยวบินไปยังอาเซียนและเอเชียใต้ ส่วนต้นทุนเพิ่มขึ้นตามค่าเชื้อเพลิงและค่าซ่อมบำรุงอากาศยานที่สูงขึ้นตามจํานวนเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น ส่วนค่าโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 32% YoY อยู่ที่ 1,434 บาท/เที่ยว ด้าน EBITDA เท่ากับ -1.27 พันล้านบาท แต่ในงวด 4Q65 พลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรก ตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด ที่ 4.28 พันล้านบาท
  • แนวโน้มปี 66 ตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสาร 20 ล้านคน เทียบกับตัวเลข สูงสุด 22.2 ล้านคน ที่เคยทำได้ในปี 62 โดยจํานวนผู้โดยสารภายในประเทศคาดว่าจะฟื้นตัวได้เท่ากับระดับปี 62 ซึ่งคิดเป็นประมาณ 13 ล้านคน คิดเป็นอัตราขนส่งผู้โดยสารที่ 87% ส่วนจำนวน ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าของปี 65 มาเป็น 7 ล้านคนในปีนี้จากปีก่อน 2 ล้านคน สนับสนุนโดยความต้องการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน การฟื้นตัวที่ดีต่อเนื่องของภูมิภาคเอเชียใต้ และการเริ่มให้บริการเที่ยวบินไปและกลับจากประเทศจีน ขณะที่มีแผนที่จะนำเครื่องบินทั้งฝูงจำนวน 53 ลำ มาทำการปฏิบัติการบินให้ครบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมถึงมีแผนงานลดต้นทุนการดำเนินงานต่อหน่วย ส่งผลให้ปี 66 คาดหวังการพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปีนี้

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงกว่า 200 จุด จากนักลงทุนยังคงกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น  และอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังข้อมูลจากฝรั่งเศสและสเปนบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อในยุโรปยังคงสูงกว่าคาด แต่การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยนั้นได้ช่วยพยุงตลาด

(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวก ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะฟื้นตัว  ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้

(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวกได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หลังมีรายงานว่าตัวเลขเงินเฟ้อในประเทศยุโรปปรับตัวสูงขึ้น

- Advertisement -