บล.บัวหลวง:

CP All (CPALL TB/CPALL.BK)

CPALL – อยู่ในจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ

แม้ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่ออกมาน่าผิดหวัง แต่เรามองว่าการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นเมื่อเร็วๆ นี้สะท้อนถึงความกังวลของตลาด และเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อมองไปข้างหน้า การฟื้นตัวของการดำเนินงาน ความแข็งแกร่ง และความเสี่ยง/ผลตอบแทนยังน่าสนใจ

การดำเนินการฟื้นตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ของ CPALL เมื่อบ่ายวันพุธ ซึ่งผู้บริหารยืนยันว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2566 จนถึงปัจจุบัน การเติบโตยอดยอดขายสาขาเดิมของ 7-Eleven อยู่ที่เกือบ 10% (แม้ว่าฐานยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 1/ 5 จะสูงก็ตาม) นอกจากนี้ 7-Eleven เริ่มเห็นการใช้จ่ายที่มากขึ้นอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (โดยคาดการณ์จากการชำระเงินร้านค้าผ่าน WeChat) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะยังคงสูง แต่การเติบโตของกำไรจะหนุนโดยยอดขายที่เพิ่มขึ้น (ทั้งที่ร้านค้าและผ่านการจัดส่ง) และการขยายตัวของอัตรากำไร โดยผู้บริหารตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 20bps YoY หนุนโดยผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (RTE) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันได้ของ 7-Eleven

ตัวชี้วัดเศรษฐกิจหลายตัวหนุนการเติบโตของการบริโภค

จํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การว่างงานที่ลดลง และอัตราเงินเฟ้อที่คลี่คลายจะหนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปี 2566 ดังที่เรากล่าวข้างต้น ในปี 2562 นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเฉลี่ย 8,580 บาท/ราย ในการช้อปปิ้งในประเทศไทย และคิดเป็น 15% ของยอดค้าปลีก นอกจากนี้ การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจ้างแรงงานอย่างน้อย 10% ของแรงงานไทย (และกำลังจ้างพนักงาน) ดังนั้นเราจึงคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงและกำลังซื้อจะเพิ่มขึ้น ภาวะเงินเฟ้อที่คลี่คลายลงเป็นอีกแนวโน้มที่จะหนุนผู้บริโภคชาวไทย ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้จะหนุนการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ 7-Eleven ในปี 2566

ยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าต้นทุนในปี 2566-67

แม้จะมีการปรับลดประมาณการกำไรลง เรายังคาดว่า CPALL จะรายงานการเติบโตของกำไรหลักที่ 35% ในปี 2556 และ 27% ในปี 2567 ยอดขายและอัตรากำไรที่ขยายตัวของ 7-Eleven จะกลบผลกระทบของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้นในปี 2566 นอกเหนือจากร้านค้าใหม่ และรายได้จากธุรกิจการจัดส่งที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่าปริมาณลูกค้าเข้าร้านค้าก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สาขาในกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยว อย่างน้อย 50% ของยอดขายทั้งหมด) จะหนุนยอดขายและกำไรต่อสาขา และเราคาดว่าการปรับราคาสินค้า (สําหรับสินค้า FMCG และสินค้า RTE ในปี 2565 และเครื่องดื่มในปี 2566) จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2566

ความเสี่ยง / ผลตอบแทนยังน่าสนใจ

เรามองว่าการปรับตัวลดลงของราคาหุ้น CPALL เปิดโอกาสในการเข้าซื้อ แม้เราจะปรับลดประมาณการกำไรลง แต่เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยปรับราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ณ สิ้นปี 2566 มาอยู่ที่ 78 บาท (ลดลงจาก 80 บาท) CPALL ยังคงซื้อขายที่ PER ปี 2556 ที่ 30.8 เท่า ใกล้กับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31 เท่า แต่หากพิจารณาการเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน ปี 2567 ค่า PER ปี 2567 จะอยู่ที่ 24.2 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวมาก

- Advertisement -