เงาของเหยี่ยวที่บดบัง แสงอาทิตย์ 1,605-1,625
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET แกว่งตัวทางลง: ตลาดได้รับแรงกดดันทางลบจากฝั่งสหรัฐฯ หลังพาวเวลเผยเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟด เนื่องจากตัวเลขศก.สหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย CME FedWatch Tool ให้น้ำหนักสูงถึง 69.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมรอบเดือนมี.ค. ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปี และ Dollar index ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 5.0% และ 105.6 จุด ตามลำดับ คาดเป็นแรงกดดันต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในวันนี้เช่นกัน กอปรกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันให้เงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง นอกจากนี้คาดตลาดได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่อาจปรับตัวลงในวันนี้ ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปิดร่วงลง 3.58% สู่ระดับ 77.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากการส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของพาวเวล ทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อศก.และความต้องการใช้น้ำมัน อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีแรงพยุงจากปัจจัยในประเทศ หลังการเปิดเผยเงินเฟ้อไทยเดือนก.พ. ที่ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่ม Spending และท่องเที่ยว อีกทั้งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวยังได้แรงหนุนจากมาตรการรัฐ รวมถึงภาพการเลือกตั้งไทยที่มีความชัดเจนขึ้น หลังนายกฯเผยการยุบสภาใกล้เข้ามาทุกที
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว+ศก.ฟื้น: CENTEL, DOHOME, ICHI, KBANK, KKP, KLINIQ, SAPPE 2) ความหวังศก.จีน: SCGP, WICE 3) Dividend+Defensive : AP, ORI, PR9, SCB และ 4) Bond-yield พุ่งขึ้น: BLA, TLI
ปัจจัยบวก
- ครม.มีมติเห็นชอบขยายเวลาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตาที่ใช้ในการผลิต กระแสไฟฟ้า ออกไปอีก 6 เดือน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจเรื่องค่าไฟฟ้า
- สรท.เผยส่งออกเดือนม.ค. น่าจะเป็นจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยการส่งออกมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวแตะ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนก.พ. อีกทั้งคงคาดการณ์ส่งออกปีนี้ว่าจะโต 1-2%
- ก.พาณิชย์เผย CPI เดือนก.พ.66 เพิ่มขึ้น 3.79% y-y ชะลอตัวลงจากเดือนพ.ค.66 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และเป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ด้าน Core CPI เพิ่มขึ้น 1.93% y-y
ปัจจัยลบ
- อธิรัฐ ปฏิบัติหน้าที่แทนรมว.คมนาคม สั่งชะลอลงนาม โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เหตุยังมีคดีค้างศาล และตอบ ไม่ได้ว่าเข้าครม.กับรัฐบาลนี้หรือไม่
- ชิตี้กรุ๊ปคาด ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.5% ในการประชุมเดือนมี.ค.และ พ.ค. ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ECB พุ่งขึ้นแตะระดับ 4% ภายในเดือนก.ค.
- แบงก์ออฟอเมริกาคาดศก.สหรัฐฯ จะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคใน 3Q66 ถึง 4Q66 เนื่องจากการชะลอตัวของภาคธุรกิจ
- ศูนย์นโยบาย Bipartisan Policy Center มองสหรัฐฯ เริ่มมีแนวโน้มผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น หากไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ ด้านฟิกช์เรทติ้งมองการเล่นการเมืองในประเด็นเพดานหนี้ อาจส่งผลต่อการถูกปรับลดอันดับตราสารหนี้ของสหรัฐฯ
PICKS OF THE DAY
ICHI BUY
- เป้าหมาย 12.70/13.00 แนวรับ 11.60/12.00
- การบริโภคฟื้นตัวมากขึ้น: หลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆกลับมาดำเนินการเป็นปกติมากขึ้น อีกทั้งได้ Sentiment เชิงบวกจากเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ที่ชะลอลง m-m เพิ่มขึ้นเพียง 3.79% y-y ดีกว่าตลาดคาด มองช่วยหนุนกำลังซื้อผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอีกทาง
- อากาศร้อนเครื่องดื่มเย็นขายดี: อากาศเมืองไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนหนุนคนบริโภคสินค้าเครื่องดื่มเย็นมากขึ้น อีกทั้ง ICHI ออกเครื่องดื่มใหม่ๆ น่าจะทำให้ได้การตอบรับดีจากตลาดมากขึ้น
KKP BUY
- เป้าหมาย 68.25/70.00 แนวรับ 65.50/66.25
- ได้ประโยชน์จากการมาควบคุมธุรกิจเช่าซื้อ ลีสซิ่งของ ธปท.: ครม. มีมติให้ ธปท. มีอำนาจควบคุมธุรกิจเช่าซื้อ ลีสซิ่ง ซึ่งทางฝ่ายมองว่าหากผู้ประกอบการมาใช้อัตราดอกเบี้ยเดียวกับที่ สคบ. กำหนดออกมาก่อนหน้านี้ จะทำให้มีผู้ประกอบการบางรายไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ และจะมีสินเชื่อบางส่วนไหลมายังผู้ประกอบการใน ตลท. ซึ่ง KKP จะเป็นหนึ่งในนั้น
- สินเชื่อเดือน ม.ค. เติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม: KKP มีสินเชื่อเดือน ม.ค. เติบ โต 1.3% q-q ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร และเป็นเพียง 1 ใน 2 ธนาคารนอกเหนือจาก SCB เท่านั้นที่มีสินเชื่อเติบโตในเดือน ม.ค. ในขณะที่ธนาคารที่เหลือมีสินเชื่อหดตัวลงทั้งหมด