บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
TOA Paint (Thailand) (TOA TB)
2566 จะฟื้นตัวดีขึ้น จากยอดขายที่เติบโต15% และต้นทุนที่ลดลง
ขยายสู่ธุรกิจไม่ใช่สีมากขึ้น หนุนการเติบโต คงแนะนำ ซื้อ
แนวโน้มปี 2566 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายยอดรขายจะเติบโตสูง 15% และมีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 31% จาก 29% ในปี 2565 หลังสถานการณ์ด้านต้นทุนวัตถุดิบปรับลดลง เราคาดกำไรปกติปี 2566 จะฟื้นตัว และเติบโตดี 2,145 ล้านบาท (+28%YoY) ระยะยาวจะได้แรงบวกเพิ่มจากการขยายสู่วัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้น TOA มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือสูง 6.3 พันล้านบาท เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 37 บาท บนฐาน Forward P/E เฉลี่ย 35 เท่า คงแนะนำ ซื้อลงทุน
ตั้งเป้ายอดขายโต 15% อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น
จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวาน (7 มี.ค.) ผู้บริหารตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2566 จะเติบโตดี 15% หลังปี 2565 เติบโต 18% แรงหนุนจากการเติบโตของตลาดไทยและเวียดนาม มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว รวมถึงจีนมีการเปิดประเทศ โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบยังเติบโต และยังได้แรงหนุนจากการขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่สีมากขึ้น ส่วนต้นทุนที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (สัดส่วน 15%) ราคาได้อ่อนตัวลง ในขณะที่วัตถุดิบ Titanium Dioxide (TiO2) (สัดส่วน 20%) อ้างอิงตลาดยุโรปราคาค่อนข้างทรงตัวที่ 3,200 เหรียญ/ตัน แต่หากนำเข้าจากจีนมีราคาเพียง 2,345 เหรียญ/ตัน จึงมีการปรับสูตรนำ TiO2 จากจีนมาผสมเพิ่มเป็น 20% ในปี 2566 จาก 8% ใน 4Q65 ผู้บริหารคาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2566 จะดีขึ้นเป็น 31% จาก 29% ในปี 2565
ขยายสู่วัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้น
ภายใต้กลยุทธ์การเติบโตไปสู่ธุรกิจที่เป็นมากกว่าสี หรือ Growing Beyond Color TOA ได้ขยายธุรกิจตลาดวัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้นช่วยเสริมการเติบโต มีการเปิดตัว “MEGA PAINT & HOME” ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและบริการจากทีโอเอครบวงจร แบบ One stop service ปี 2565 เปิดร้านแล้ว 7 สาขา ปี 2566 เตรียมเปิดเพิ่ม 25 สาขา และได้เปิดร้าน Fix&Build เพื่อจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง ไฟฟ้า ประปา ฮาร์ดแวร์ สีและเคมีภัณฑ์ ปี 2565 เปิด 4 สาขา และ ปี 2566 จะเปิดเพิ่ม 15 สาขา จะช่วยหนุนการเติบโตในอนาคต
แนวโน้มปี 2566 คาดกำไรจะเติบโตดี
แนวโน้ม 1Q66 ผู้บริหารประเมินยอดขายจะเติบโตได้ดี 15%YoY และมีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 31% จาก 29% ใน 4Q65 จะช่วยหนุนกำไร 1Q66 เติบโตดีขึ้น สำหรับแนวโน้มปี 2566 เราประเมินยอดขาย 23,747 ล้านบาท เติบโต 15% เท่าประมาณการของผู้บริหาร มีอัตรากำไรขั้นต้น 30% ดีขึ้นจาก 29% ในปี 2565 หลังจากสถานการณ์ต้นทุนที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันลดลง และมีการใช้ TiO2 จากจีนเข้ามาผสมมากขึ้นช่วยลดต้นทุน และคาดจะมีกำไรปกติ 2,145 ล้านบาท เติบโต 28%