ความกังวลที่ยังไม่จางหายไป 1,600-1,620

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • คาด SET แกว่งตัว Sideways เหนือแนวรับทางจิตวิทยา 1,600: ตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังถ้อยแถลงเมื่อคืนนี้ของพาวเวลาว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยยังต้องรอติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนก.พ. (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.05 แสนตำแหน่ง ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 5.17 แสนตำแหน่ง) ที่จะมีการเปิดเผยในวันที่ 10 มี.ค. รวมทั้ง CPI (ตลาดคาดขยายตัว 0.4% m-m เท่ากับเดือนม.ค.) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ก่อนที่เฟดจะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค. ด้านค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวอ่อนค่าที่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ คาดเป็นแรงกดดันให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดต่อเนื่อง ในทางกลับกันสกุลเงินท้องถิ่นที่อ่อนค่า ได้เป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงเป็นแรงหนุนต่อตลาด โดยการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ในวันนี้คาดอยู่ในทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่เก่า ซึ่งจะเป็น Sentiment ทางบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Spending และท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในยามที่ตลาดยังคงมีความผันผวน ทางฝ่ายแนะนำปรับพอร์ตหาหุ้นปันผล เพื่อลดความเสี่ยงและรับปันผล นอกจากนี้ติดตาม CPI เดือนก.พ.ของจีนตลาดคาดขยายตัว 0.2% m-m ชะลอลงจากเดือนม.ค.ที่ขยายตัว 0.8% m-m ซึ่งเป็นการสะท้อนภาพอุปสงค์ในจีนที่อ่อนแอ และอาจเป็น Sentiment ทางลบต่อตลาดได้
  • กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว+ศก.ฟื้น: AAV, AMATA, BJC, CENTEL, DOHOME, KLINIQ, MAJOR, MAKRO, ÒSP, SPA, WHA 2) เงินบาทอ่อนค่า: ITC, SAPPE, SNNP และ 3) Dividend: AP, BRI, ICHI, SCB, SIRI

ปัจจัยบวก

  • กบง.มีมติเห็นชอบคงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG เพื่อตรึงราคาขายปลีก และเห็นชอบให้ก.พลังงานขอความ อนุเคราะห์ PTT ตรึงราคาขายปลีก NGV เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบด้านราคาพลังงาน
  • จีนเผยจีนมียอดการเดินทางเข้าและออกประเทศระหว่าง วันที่ 8 ม.ค.- 7 มี.ค. อยู่ที่ 39.72 ล้านครั้ง แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยวหลังจีนยกเลิก Zero-COVID

ปัจจัยลบ

  • วิจัยกรุงศรีปรับลดคาด GDP ไทยในปีนี้ลงเหลือ 3.3% จาก เดิม 3.6% โดยปรับลดคาดการณ์บริโภคภาครัฐและลงทุนภาครัฐ เพื่อชี้ถึงการลดลงของการใช้จ่ายภาครัฐผ่านมาตรการและความล่าช้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
  • โกลด์แมนแซคส์เผยมีความเสี่ยงที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค.และคาดว่าค่ากลาง ของอัตราดอกเบี้ยในการสรุปคาดการณ์ศก.เดือนมี.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.50% สู่ระดับสูงสุดที่ 5.5%-5.75% ในปี 66
  • สหรัฐฯเผยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 2.42 แสนตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่ตลาดคาดและ เดือนม.ค.ที่ระดับ 2.00 และ 1.19 แสนตำแหน่ง ตามลำดับ

PICKS OF THE DAY

BRI BUY

  • เป้าหมาย 13.30/13.60 แนวรับ 12.40/12.60
  • PE ต่ำ: ปี 65 โชว์ผลงานทำกำไรโต +144% y-y โดดเด่นสุดใน อุตสาหกรรม ดึง PE ลงมาอยู่ที่ 7.4 เท่า ถือว่าอยู่ในโซนต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯมา และยังให้ Div. yield สูงถึง 5.6%
  • แผนธุรกิจเร่งการเติบโต: ปีนี้เปิด ตัว 20 โครงการ มูลค่า 23,500 ลบ. +96%y-y โดยเน้นการทำ JV ทำให้เปิดโครงการได้เยอะโดยที่ยังรักษา IBD/E ได้ดีกว่าเดิมที่ 1.23 เท่า, และไม่มีจำเป็น ต้องมี Land bank ในมือเยอะ ทำให้สามารถปลดล็อคการเติบโตได้มากกว่า Developer รายอื่น, และเป็นปีแรกที่เริ่มขยายโครงการกระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ, กระจายโครงการในทุกระดับราคา หวังกินส่วนแบ่งคู่แข่ง, ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 9,000 ลบ. +42.9% y-y

SPA BUY

  • เป้าหมาย 11.10/11.60 แนวรับ 10.30/10.60
  • ได้อานิสงส์จีนเดินทางมาไทยมากขึ้น: จากจีนที่เปิดประเทศเร็วกว่าคาดทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยมากขึ้น ประเมินเป็นบวกต่อ SPA จากเดิมลูกค้าจีนคิดเป็นสัดส่วนของรายได้ราว 55% หนุนการดำเนินงานค่อยฟื้นตัวดีขึ้น
  • ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัว: 4Q65 เริ่มรับรู้กำไรเข้ามาครั้งแรกหลังจากการระบาดของสถานการณ์ COVID -19 จากลูกค้ากลับเข้าใช้บริการสาขามากขึ้น หากสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นต่อไปเรื่อยๆคาดทำให้ผลประกอบการของ SPA กลับมาฟื้นตัวได้เร็วโดยเฉพาะจากลูกค้าจีนที่ทยอยเข้าไทยมากขึ้นช่วงครึ่งหลั
- Advertisement -