สรุปภาวะตลาด
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีรีบาวด์จากแรงซื้อในกลุ่มค้าปลีก และไอซีที โดยนักลงทุนติดตามการ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,614.22 จุด +1.62 จุด +0.10% มูลค่าการซื้อขาย 59,540 ลบ.ต่างชาติ -1,207.07 ลบ. TFEX +11,899 สัญญา ตราสารหนี้ +2,383.42 ลบ.
ปัจจัยบวก+
+ กพช. ไฟเขียวรับซื้อพลังงานสะอาดเพิ่มอีก 3 พันกว่าเมกะวัตต์ จากรอบแรกกว่า 5 พันเมกะวัตต์ ย้ำ เปิดโอกาสให้เอกชนทั้งรายเก่า-ใหม่ยื่นขายไฟตามเงื่อนไข ทั้งแสงอาทิตย์ ลม และขยะอุตสาหกรรม
+ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอที่ประชุม ครม วันที่ 14 มี.ค.นี้เสนอวาระแห่งชาติเรื่องฟื้นประเทศด้วยท่องเที่ยวระยะ 5 ปี ปี 66-70 ให้ที่ประชุมพิจารณาเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและยั่งยืน
+ ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.66 อยู่ ที่ 52.6 เพิ่มจาก 51.7 ในเดือน ม.ค.66 ปรับตัวดีขึ้น ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 36 เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน
ปัจจัยลบ-
– ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 543.54 จุด หรือ -1.66% ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดิ่งลงอย่างหนัก รวมทั้ง ความกังวลว่าข้อมูลแรงงานของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ อาจจะผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
– สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 94 เซนต์ -1.2% ปิดที่ -75.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ปี นี้ ปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟด จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
– สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า รัสเซียใช้มิสไซล์ความเร็วเหนือเสียงคินชาล (Kinzhat) ยิงถล่มยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และการโจมตีดังกล่าวส่งผลให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ไฟดับชั่วคราว
– รัฐบาลจีนมีแผนที่จะล็อกดาวน์เมืองซีอาน รวมทั้งปิดสถานศึกษาและธุรกิจต่างๆ ในเมืองแห่งนี้ ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาค เกษตรประจำเดือนก.พ.ในวันนี้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่อ่อนตัวลงต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มอง กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,605-1,620 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- จีนเปิดประเทศ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
- หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
- หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
- BOI ส่งเสริมการลงทุนชิ้นส่วน EV : EA GPSC BCP DELTA PIMO FPI
- หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT
หุ้นรายงานพิเศษ
JUBILE – “ซื้อ” (ราคาเหมาะสม 29.50 บาท)
- รายได้ 4Q65 อยู่ที่ 475 ลบ. -20%YoY, +12%QoQ และมีกำไร 78 ลบ. -27%YoY, +11%QoQ เนื่องจากรายได้ 4Q64 ฐานสูงจากอุปสงค์ที่เลื่อนมาตั้งแต่ 2Q65-3Q65 ที่ Lockdown จาก COVID-19 ด้านอัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวใกล้เคียงกับ 3Q65 ที่ระดับ 49% ส่วนกำไรปี 65 อยู่ที่ 311 ลบ. +38% YoY โดยได้รับอานิสงค์จากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากปี 64
- ผบห. ตั้งเป้าปี 66 รายได้เติบโต 10% สอดคล้องกับอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า 45% โดยใช้กลยุทธ์รีโนเวทเคาน์เตอร์ให้เป็นช้อปที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น วางงบลงทุนปี 66 ราว 15-20 ลบ. คาดจะปรับปรุง 10 สาขา เน้นสาขาในพื้นที่ศักยภาพ โดยโมเดลดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 65 จากสาขาเซ็นทรัล พระราม 2 โดยหลังการรีโนเวทคาดสร้างรายได้โตราว 30% ต่อสาขา ขณะที่ช้อป เซ็นทรัลเชียงรายเริ่มรับรู้รายได้ 1Q66 ด้านนโยบายการจ่ายปันผลอาจกลับมาจ่ายที่ระดับ 60% ขณะที่ช่วงโควิดจ่าย 40%
- ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกของผลประกอบการทั้งปี 66 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคกลับมาจับจ่ายใช้สอยสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่นมากขึ้น ด้นต้นทุนเพชรและทองคำที่ทรงตัวระดับสูง อาจไม่กระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้น เนื่องผู้ผลิตสามารถปรับขึ้นราคาเพื่อชดเชยความเสี่ยงดังกล่าว ทั้งนี้ราคาปรับตัวลงมา -7% YTD ทำให้หุ้นซื้อขายที่ P/E 14 เท่า แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 35 เท่า เราจึงแนะนํา “ชื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 31.60 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) TEGH (Bloomberg consensus 6.60 บาท) รับอานิสงส์ราคายางตลาดโลกเริ่มกลับตัวเข้าสู่ขาขึ้น หลังจีนเปิดประเทศดินดีมานด์เพิ่ม บวกเข้าสู่ฤดูปิดกรีดยาง หนุนราคายางครึ่งปีแรก เผยปัจจุบัน คำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาถึงงวดไตรมาส 2/2566 ขณะที่เตรียมรับรู้รายได้ COD ชีวภาพ เฟส 1 ในไตรมาค 2/2566 นี้ เล็งขยายกำลังการผลิตยางแห่งต่อเนื่อง ลุยเจาะตลาดลูกค้ายางล้อ ทั้งประเทศอินเดีย-จีน เหตุมีดีมานต์สูง รายได้ปีนี้โตกว่า 10% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ATP30 (ราคาเหมาะสม 2.22 บาท) คาดงบไตรมาส 1/2566 พลิกบวกจากไตรมาส 4/2565 ที่ขาดทุน 0.61 ล้านบาท ชี้ต้นทุนน้ำมันลด หนุนมาร์จิ้นพองโต เล็งให้บริการลูกค้ารายใหญ่โค้งแรก 3 ราย มูลค่าสัญญารวม 240 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 โต 10% โฟกัสอัตราก้าไรสุทธิกลับสู่ระดับ 8-9% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SISB (Bloomberg consensus 26.00 บาท) เล็งปี 2566 จำนวนนักเรียนแตะ 3.7 พันคน จากปีก่อนที่ 3.1 พันคน ดันรายได้ปี โลกว่า 20% เงินลงทุนรวม 1 พันล้านบาท เปิดโรงเรียน สาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง นนทบุรี และระยอง ขยายโรงเรียนเติมรองรับนักเรียนเพิ่มมาปี 2559 มีนักเรียนนะ 5 พันราย หนุนการเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) FORTH (Bloomberg consensus 52.00 บาท) มั่นใจรายได้ปี 2566 โตหมื่นล้านบาท ปลื้ม 3 ธุรกิจหลักขยายตัวได้ดี เล็งผุด “ขายก๋วยเตี๋ยวอัตโนมัติ” ต่อยอดตู้เต่าบิน คาดอีก 2 ปี พร้อมให้บริการ FSMART ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าปล่อยสินเชื่อตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ขยายเต่าบินทั้งในและต่างประเทศ (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
- สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
- สัปดาห์ที่ 4 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
- สัปดาห์ที่ 5 สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
- สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
- 29 มี.ค. ประชุม กนง. ครั้งที่ 2/2566
- 31 มี.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
- 7 พ.ค. เลือกตั้ง
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
- 10 มี.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย
- สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.
- 13 มี.ค. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ ผู้บริโภคเดือนก.พ.
- 14 มี.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.
- 15 มี.ค. จีน รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนม.ค.-ก.พ. ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.-ก.พ.
- อียู รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.
- สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคม ผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
- 21-22 มี.ค. กําหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
- 3 เม.ย. กำหนดการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส เกี่ยวกับนโยบายการผลิดนำ้มัน