สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่อง ลบต่ำสุดราว -18 จุด บริเวณแนวรับ 1,600 จุด การปรับตัวลงของดัชนีเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยนักลงทุนติดตามการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,599.65 จุด -14.57 จุด – 0.90% มูลค่าการซื้อขาย 49,261 ลบ. ต่างชาติ -3,817.12 ลบ.  -13,754 สัญญา ตราสารหนี้ +2,323.12 ลบ.

ปัจจัยบวก +

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 76.68 ดอลล่าร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลล่าร์ รวมถึงจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัว และจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ร่วงลง 3.8% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

+ สมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีน มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้นายสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนต่อเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งถือเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการในการเข้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก

+ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารและการเงินของสหรัฐ ประกาศแผนการคุ้มครองเงินฝากของประชาชนที่ฝากเงินไว้กับซิลิคอน วัลเล่ แบงก์ (SVB) โดยมีเป้าหมายที่จะบรรเทาความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นจากการล่มสลายของ SVB

+ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐและประธาน EC ได้เห็นพ้องกันที่จะเริ่มการเจรจา ซึ่งอาจจะอนุญาตให้มีการใช้วัตถุดิบจากยุโรปเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านพลังงานสะอาดในสหรัฐ

+ สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 311,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ตำแหน่งส่วนอัตราการว่างานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าส่งตัวที่ระดับ 3.4%

+ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) เดือนก.พ. ในปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้ายังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แม่ยังคงความกังวล แต่มีระดับลดลงจากมุมมองที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งได้หนุนการจ้างงานในประเทศ อีกทั้งครัวเรือนมีความกังวลลดลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและราคาสินค้าสอดคล้องกับค่าครองชีพที่ชะลอตัว

ปัจจัยลบ –

– ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 345.22 จุด -1.07% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสภาวะของภาคธนาคารสหรัฐ หลังจากมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเล่ แบงก์ (SVB) ซึ่งอยู่ในเครือของ บริษัท เอสวีบี ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป หลังจากประสบปัญหาด้านการเงินในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 4.4%

– นักวิเคราะห์จากธนาคารซิตี้กรุ๊ปออกมาเตือนว่า ก่อนหน้านี้รัสเซียจำกัดการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป พร้อมประกาศว่าจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในเดือนนี้ เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก

– ทางการสหรัฐประกาศปิดกิจการซิกเนเจอร์ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่ปล่อยกู้ให้กับอุตสาหกรรมคลิปโทเคอร์เรนซีเพื่อป้องกันความเสี่ยงในระบบธนาคาร

–  ตลท. สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.-10มี.ค. 2566 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,870.43 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อขายสุทธิ 3,690.87 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 39,913.98 ล้านบาทนัดลงทุนในประเทศ (รายย่อย) ซื้อสุทธิ 38,093.55 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดตลาดวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการลุกลามจากการสั่งปิดกิจการธนาคาร ซิลิคอน วัลเล่แบงก์ (SVB) ประกอบกับยังจับตาการที่ FED เรียกประชุมด่วนวันนี้ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1590-1610 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
  • หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
  • หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
  • BOI ส่งเสริมการลงทุนชิ้นส่วน EV : EA GPSC BCP DELTA PIMO FPI
  • หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT

หุ้นรายงานพิเศษ

EKH – Bloomberg Consensus 9.70 บาท (Upside 16%) “มุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรปกติปี 66”

  • งวด 4Q65 มีกําไร 352 ลบ. +293%YoY +363%QoQ โดยหลักมาจากกําไรพิเศษ จากการปรับมูลค่ายุติธรรม KLINIQ จํานวน 411 ลบ. หากพิจารณาเฉพาะกําไรปกติ งวด 4Q65 จะอยู่ที่ 24 ลบ. -56%YoY -68%QoQ จากรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลที่ลดลงสู่ 251 ลบ. -10%YoY -11%QoQ โดยลดลง YoY จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น ทําให้งวด 4Q65 ไม่มีรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 เทียบกับปีก่อนที่ที่คิดเป็น สัดส่วนกว่า 50% และลดลง QoQ เนื่องจากผ่านพ้นช่วง High Season นอกจากนี้ %GPM ปรับลดลงสู่ระดับ 35.5% (4Q64 = 43.3%, 3Q65 = 44.5%) จากรายได้ที่ลดลง ประกอบกับการปรับเพิ่มเงินเดือนและให้โบนัสพนักงาน ส่วน %SG&A ปรับสูงขึ้นสู่ระดับ 27.5% (4Q64 = 19.8%, 3Q65 = 17.1%) เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดในการเปิด รพ.คูน และมีค่าใช้จ่ายพิเศษในการตั้งสํารองรายได้จากรักษาโควิด-19 (UCEP) ราว 12 ลบ. ส่งผลให้ทั้งปี 65 มีรายได้และกําไร 1,049 ลบ. -8.5%YoY และ 551 ลบ. +60%YoY ตามลําดับ หากตัดรายการพิเศษออกจะมีกําไร 223 ลบ. -28%YoY
  • ผบห.ตั้งเป้ารายได้ปี 66 ราว 7-10% มีปัจจัยสนับสนุนจากยอดผู้ป่วย OPD-IPD มีแนวโน้มดีขึ้นจากการเปิดประเทศ และลูกค้าชาวจีนมาทํา IVF เพิ้มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ โดยผบห.ตั้งเป้า IVF ที่ 300 เคส ซึ่งเฉลี่ย 2 เดือนแรก เข้ามารับบริการแล้ว 15-20 เคส/ต่อเดือน ช่วยชดเชยการปิดปรับปรุงวอร์ดบางส่วนในช่วงวันที่ 15 ก.พ.- 15 พ.ค.66 ซึ่งทําให้จํานวนเตียงรอบรับผู้ป่วยปรับลดลงสู่ 110 เตียง จากทั้งหมด 142 เตียง นอกจากนี้ รพ.คูน (Palliative Care) ที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือน ก.ย.65 ได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี ปัจจุบันมีคนไข้ใช้บริการแล้ว 17-18 เตียง และ Break even แล้ว
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มกําไรปกติปี 66 ที่คาดจะโตต่อเนื่อง และมองบวกต่อธุรกิจใหม่ (รพ.คูน) ที่เป็นเจ้าแรกๆ ที่ริเริ่มทําและได้รับกระแสตอบรับดีมาก และเตรียมต่อยอดไปทําบริการใหม่ อาทิ Nursing Home และ Day Care สําหรับผู้สูงอายุ โดย Bloomberg Consensus คาดกําไรปกติปี 66 ราว 239 ลบ. +7%YoY และราคาเหมาะสม 9.70 บาท (Upside 16%)
  • XD – วันที่ 3 พ.ค. 66 ปันผลเป็นหุ้นและเงินสดที่อัตรา (หุ้นเดิม : หุ้นปันผล) 40 : 1 และ 0.32 บาทต่อหุ้น ตามลําดับ ซึ่งจะทําให้เกิด Price Dilution ราว 6%

หุ้นมีข่าว

(+) III (Bloomberg consensus 17.28 บาท) เผยวอลุ่มการขนส่งเร่ิมปรับตัวดีขึ้น คาดไตรมาส 2/2565 ฟื้นตัวชัด จ่อบุ๊กกำไรจากการลงทุนทุกบริษัทในเครือ เล็งส่ง AOTGA บริษัทย่อย ผู้ให้บริการภาคพื้นอากาศยานและผู้โดยสารเข้าประมูลจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น และโครงการให้บริการคลังสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายในเดือนมิถุนายน 2566 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EA (Bloomberg consensus 93.00 บาท) เดินหน้าธุรกิจอีวีเต็มสูบ ดันสัดส่วนรายได้พุ่ง เป้ายอดขายปีนี้ไม่ต่ำกว่า 3 พันคัน แย้มดีลเจรจาพันธมิตรลุยตลาดมาเลเซียต่อยอด พร้อมเดินหน้าขยายโรงงานแบตเตอรีเป็น 4.5 GWh ในปี 2568 เล็งพัฒนาธุรกิจไบโอดีเซลไปสู่ Bio-Jet หวังขยายตลาดในอนาคต ส่วนธุรกิจ PCM คาดมียอดขาย 6 พันตัน รุกตลาดญี่ปุ่น เกาหลีเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) COM7 (Bloomberg consensus 40.00 บาท) ส่งซิก Q1/2566 แรงรับรู้สต๊อกไอโฟน บวก อุตสาหกรรมไอทีฟื้นตัว และการเปิดตัวสินค้าใหม่หนุน ขณะที่ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% วางเป้ามาร์เก็ตแชร์แตะ 35% ของมูลค่าตลาดไอที และสมาร์ทโฟนในประเทศ เร่งขยายฐานเตรียมเปิดสาขาเพิ่ม 134 สาขา คาดสิ้นปีแตะ 1,400 สาขา พร้อมรุกธุรกิจร้านขายยา-เพ็ทช็อป-ประกัน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) OISHI (Bloomberg consensus – บาท) OISHI ขอเพิกถอนออกจากตลาด หลังไทยเบฟรับซื้อ 20.34% ที่ราคา 59 บาท/หุ้น สูงกว่าราคาปิดล่าสุด 46.50 บาท (10/3/2566) (ที่มาส่านักข่าว อินโฟเควสท์ )

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
  • สัปดาห์ที่ 4 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์
  • สัปดาห์ท่ี 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
    • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • 29 มี.ค.ประชุม กนง.ครั้งที่ 2/2566
  • 31 มี.ค.ธนาคารแหง่ประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
  • 7 พ.ค. เลือกตั้ง

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ 

  • 13 มี.ค.สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อผู้บริโภคเดือนก.พ.
  • 14 มี.ค. สหรัฐรายงานดัชนีราคาบริโภค (CPI) เดือนก.พ.
  • 15 มี.ค. จีน รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนม.ค.-ก.พ. ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.-ก.พ.
    • อียู รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.
    • สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
  • 16 มี.ค. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • 21-22 มี.ค. กำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
  • 3 เม.ย. กำหนดการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส เกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน
- Advertisement -