ITTHI เคาะราคาไอพีโอ 3 บาท เสนอขาย 14-16 มี.ค. พร้อมลงสนามเทรดกระดาน mai ภายในมีนาฯ นี้ เสริมศักยภาพธุรกิจยืนหนึ่งในธุรกิจแสงสว่าง

 

“บมจ.อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ ITTHI” ประกาศความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ กำหนดราคาขาย IPO ที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดให้จองซื้อ 14-16 มี.ค. นี้ คาดเข้าเทรด mai ภายในเดือนมีนาฯ นี้ ชูจุดเด่นการเป็นผู้นำในธุรกิจแสงสว่างกว่า 24 ปี นำเงินระดมทุนเสริมศักยภาพการเติบโตในอนาคต ขึ้นแท่นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง พลังงานทดแทน อุปกรณ์เทคโนโลยีอัจฉริยะ

นายธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัท อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITTHI ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 3 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสม สะท้อนพื้นฐานและศักยภาพการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง และอุปกรณ์ประเภท IET (Internet Every Thing) พร้อมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคม 2566 โดยคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค  ภายในเดือนมีนาคม นี้

ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565) อยู่ที่ 0.08 บาทต่อหุ้น (Fully Diluted) ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิล่าสุดที่เท่ากับ 21.15 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้จำนวนรวม 270 ล้านหุ้น จะคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price-to-Earnings หรือ P/E) เท่ากับประมาณ 38.30 เท่า

ทั้งนี้ ITTHI จะเปิดขายหุ้น IPO จำนวน 70 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

สำหรับการเสนอขายหุ้น ครั้งนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ซึ่งร่วมกับผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 ราย ดังนี้ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จํากัด (มหาชน)  บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด

นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล  รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ 3 บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า ด้วยจุดเด่นของ ITTHI บริษัทมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมากว่า 24 ปี โดดเด่นใน TEAMWORK ทีมงานที่พร้อมให้บริการ CREATIVITY ความสร้างสรรค์ของผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม, FAST Logistics การจัดส่งที่รวดเร็ว, AFTER SERVICE บริการหลังการขายที่ดี, การพัฒนาการความรู้และความสามารถของทรัพยากรบุคคลของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ, การรักษาฐานลูกค้าเดิมให้เกิดการซื้อและใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทได้แก่ กลุ่มลูกค้าโครงการ กลุ่มลูกค้าขายส่ง กลุ่มลูกค้ารายย่อย และกลุ่มลูกค้าราชการ

“ITTHI  เป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งการกำหนดราคาไอพีโอดังกล่าว เป็นราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจแสงสว่างมายาวนาน  ด้วยผลประกอบการที่โดดเด่น ทั้งในแง่รายได้และความสามารถในการทำกำไร รวมถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตจากการลงทุนภายหลังการได้รับเงินระดมทุนจากไอพีโอครั้งนี้ จึงมั่นใจว่า ITTHI จะเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” นายกิตติชัย กล่าว

นายกิตติชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า กระแสตอบรับจากการนำเสนอข้อมูล (Roadshow) ให้กับนักลงทุนใน จังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยการระดมทุนไอพีโอในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตที่สามารถนำพาบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ด้านนายธนเสฏฐ์ อัครบุญญาพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITTHI เปิดเผยว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ ภายในปี 2566-2567 รองรับการเติบโตของ ITTHI เพิ่มความน่าเชื่อถือรวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

สำหรับผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งฐานลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย เช่น คอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรร รวมถึง อาคารทุกประเภท เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โชว์รูม ร้านค้า ร้านอาหาร โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล โรงแรม โรงเรียน คลังสินค้า สนามบิน รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการเปลี่ยนมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีกว่า ประหยัดพลังงานมากกว่า หรือมีรูปแบบสวยงามกว่า และการซื้อเพื่อทดแทนของเดิมที่ชำรุดหรือหมดอายุ ดังนั้น การเติบโตและการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทในฐานะที่บริษัทดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคมไฟฟ้าแสงสว่างอย่างครบวงจร

ส่วนผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อประเภทแอลกอฮอล์ของบริษัทส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายแก่ลูกค้าปลายทาง ซึ่งเป็นผู้ใช้โดยตรงเนื่องจากในปัจจุบันมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงได้สะดวกรวดเร็ว ซึ่งอุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (“COVID-19”)

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563 – 2565) กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ  231.21 ล้านบาท และ  216.02 ล้านบาท และ 226.93 ล้านบาท ตามลำดับ   โดยบริษัทมีรายได้หลักจากการจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 73.80 – 98.22 ของรายได้รวม และรายได้จากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ซึ่งประกอบด้วย แอลกอฮอล์ชนิดน้ำและชนิดเจล ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายจากคู่ค้าในแบรนด์ UNIONCLEAN โดยบริษัทมีรายได้จากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 1.36 – 25.58 ของรายได้รวม

โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 18.49 ล้านบาท 15.04 ล้านบาท 21.15 ล้านบาท และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 7.95 ร้อยละ 6.94 ร้อยละ 9.28 ตามลำดับ โดยในปี 2565 แนวโน้มภาพรวมของธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลายลง ทำให้ยอดการจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปี 2565 เท่ากับจำนวน 223.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.74 เมื่อเทียบกับปี 2564

- Advertisement -