นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN

ASIAN ปักธงปี 66 ยอดขายกลุ่มโตกว่า 15% อาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุด ตั้งงบลงทุน 1,371 ลบ. ขยายสายผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ติดตั้งโซลาร์รูฟ และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต 

“บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN” ชี้อาหารสัตว์เลี้ยงยังคงมีดีมานด์เติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีการปรับปริมาณการสต๊อคสินค้าของลูกค้าในตลาดสหรัฐอเมริกาแต่คาดเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ส่วนอาหารสัตว์น้ำคาดปีนี้มีการฟื้นตัวจากปีก่อน ปักธงปี 2566 ยอดขายรวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน ทุ่มงบลงทุนไว้ที่ 1,371 ลบ. ขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง คลังสินค้าอัตโนมัติ ติดตั้งโซลาร์รูฟลดต้นทุน รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN ประกอบธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง อาหารสัตว์น้ำ ทูน่า และอาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า เปิดเผยว่าประเมินภาพรวมธุรกิจปี 2566 มองว่ายังคงมีการเติบโต โดยเฉพาะในส่วนของอาหารสัตว์เลี้ยง ทั้งในส่วนของตลาดต่างประเทศ และการขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ของบริษัทเอง รวมทั้งอาหารสัตว์น้ำที่ในปีก่อนหน้ามีปัญหาคุณภาพอาหารและการปรับโครงสร้างการจัดการ ได้มีการดำเนินการแล้วคาดว่าปี 2566 นี้จะฟื้นตัวกลับไประดับเดียวกับช่วงปี 2564 ในขณะที่อาหารแช่เยือกแข็งอาจมีชะลอตัวลงบ้างในปี 2566 เนื่องจากดีมานด์ตลาดสหรัฐอเมริการในกลุ่มสินค้า VAP ลดลง และกำลังซื้อของลูกค้าในตลาดยุโรป

“เป้าหมายปี 66 ผลประกอบการยังคงการเติบโตได้ ซึ่งบริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายรวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อน แม้ว่าสัญญาณชะลอตัวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จากการที่กำลังซื้อทั่วโลกจะยังได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตลาดสหรัฐอเมริกาและตลาดยุโรปยังคงเป็นตลาดหลักของบริษัทฯ โดยคาดว่ากำลังซื้อจะเริ่มมีการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 66” นายเอกกมล กล่าว

โดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2566 บริษัทฯ ยังมีออเดอร์จากลูกค้าต่างประเทศ และบริษัทฯ มีแผนเจาะตลาดลูกค้าในกลุ่ม Private Label เพิ่มเติม รวมทั้งการทำการตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในแบรนด์ของบริษัทเองทั้ง 3 แบรนด์ คือ Monchou, Hajiko และ Pro ซึ่งมองว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายเพิ่มเติมในปี 2566 คาดว่าธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะเติบโตได้มากกว่า 15% จากปีก่อน เนื่องจากความต้องการของตลาดโลกยังมีการเติบโตต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจทูน่านั้น มองว่าการเติบโตยังคงมีให้เห็นแต่อาจไม่หวือหวามากนัก เนื่องจากขนาดธุรกิจที่ค่อนข้างเล็กและมีกำไรขั้นต้นไม่สูงมาก การเติบโตส่วนใหญ่เติบโตจากมูลค่าสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามต้นทุนปลาทูน่าที่ยังมีแนวโน้มสูง โดยคาดว่าจะโตได้ 12% จากปีก่อน แม้ต้นทุนจะมีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ความต้องการยังมีต่อเนื่องโดยเฉพาะจากตลาดประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง

ขณะที่ธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ในตลาดสหรัฐอเมริกา อาจชะลอตัวในปี 2566 จากสินค้าคงค้างในช่วงปีก่อนที่ต้องเร่งระบาย และดีมานด์ที่ชะลอตัว แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ยอดขายจะกลับมาเป็นปกติ ส่วนตลาดยุโรปมองว่าจะทรงตัว แต่เชื่อว่าดีมานด์การบริโภคยังคงมีอยู่เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัย 4

ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่ายังคงต้องจับตารอดูสถานการณ์ทั้ง 2 ตลาดหลักดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องของความต้องการผลิตภัณฑ์กลุ่ม Value Added Product (VAP) ของตลาดสหรัฐฯ ที่อาจชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งตลาดยุโรปที่ชะลอตัวลงจากต้นทุนพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ และความต้องการของกลุ่ม HORECA (Hotel , Restaurant and Catering) ที่ยังจำกัด

ด้านธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ จากปัญหาคุณภาพอาหารสัตว์น้ำและการปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายและรายได้จากอาหารสัตว์น้ำลดลง แต่คาดว่าในปี 2566 จะกลับมาฟื้นตัวเท่ากับช่วงปี 2564 เนื่องจากการปรับปรุงคุณภาพอาหารสัตว์น้ำดีขึ้น สามารถกลับมาสร้างความมั่นใจแก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1,371 ล้านบาท สำหรับใช้3 ธุรกิจหลัก คือ การขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงอีก 6,500 ตัน การสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 จำนวน 1,173 ล้านบาท การปรับปรุงประสิทธิภาพของสายการผลิตอาหารสัตว์น้ำจำนวน 54 ล้านบาท และลงทุนโครงการติดตั้งอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโรงงาน เพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งราว 144 ล้านบาท

- Advertisement -