กลับมาได้หรือเปล่า / 1,510-1,535

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • คาด SET ฟื้นตัวจํากัด: ตลาดเริ่มคลายกังวลหลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ และทั่วโลกได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าจะสามารถควบคุมวิกฤตในภาคธนาคาร นอกจากนี้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเดือนก.พ.ที่อ่อนแรงลง คาดเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. โดย CME FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 79% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในทางกลับกันราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลวิกฤตในภาคธนาคารของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อศก.และความต้องการใช้นํ้ามัน โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 4.64% สู่ระดับ $71.33 ต่อบาร์เรล คาดเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มในพลังงานซึ่งมีนํ้าหนักในตลาดข้างมาก อย่างไรก็ดี คาดได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศด้วยภาพการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาทุกที กอปรกับเมื่อวาน ครม.มีมติอนุมัติขยายระยะเวลาปรับลดอัตราภาษีดีเชลลงลิตรละ 5 บาท ไปอีกสองเดือนตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 20 ก.ค. และเห็นชอบปรับเพิ่มความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้นสำหรับผู้ได้รับสิทธิ สวัสดิการแห่งรัฐเป็น 100 บาท/คน/3 เดือน ในช่วงเดือนเม.ย. – มิ.ย. เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพประชาชน คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อกำลังซื้อผู้บริโภคและหุ้นในกลุ่ม Spending ขณะที่เช้านี้ติดตามการรายงานตัวเลขศก.จีนได้แก่ 1) การผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. ตลาดคาดขยายตัว 2.6% y-y เร่งตัวจากเดือนม.ค.ที่ขยายตัว 1.3% y-y และ 2) ยอดขายปลีก เดือนก.พ. ตลาดคาดขยายตัว 3.5% y-y พลิกจากเดือนม.ค.ที่หดตัว 1.8% y-y ซึ่งจะเป็นการสะท้อนภาพการฟื้นตัวของศก.จีน
  • กลยุทธ์ลงทุน: 1) Defensive: ADVANC, INTUCH, PR9, RAM 2) Spending+จีนเปิดประเทศ: ICHI, MASTER, SAPPE, SNNP 3) หุ้นพื้นฐานดีเน้นสะสมระยะยาว: AOT, BBL, BDMS, SPALI, WHA และ 4) หุ้น Short CK, ITD, STEC, TRUE

ปัจจัยบวก

  • ธนกร บุญคงชนะรมต.ประจําสํานักนายกฯ กล่าวถึงไทม์ไลน์ในการยุบสภาว่าคงเป็นวันที่ 20 มี.ค.ตามที่สื่อมวลชนเสนอไป
  • นายกสมาคมบริษัทจัดการการลงทุนเผยจากการตรวจสอบในเบี้องของทางสมาคมพบว่าบลจ.ทุกกองไม่มีการลงทุนโดยตรงในหุ้นของ SVB
  • สหรัฐฯ เผย CPI เดือนก.พ. ขยายตัว 6.0% y-y และ 0.4% m-m เท่ากับกี่ตลาดคาด และชะลอลงจากเดือนม.ค.ที่ขยายตัว 6.4% y-y และ 0.5% m-m โดยรายการที่ปรับเพิ่มขึ้นและยังคงต้องติดตาม ได้แก่ อาหาร (สัดส่วน 13.529%) ขยายตัว 9.5% y-y และที่อยู่อาศัย (สัดส่วน 34.39%) ขยายตัว 8.1% y-y ส่วน ราคาพลังงาน (สัดส่วน 7.08%) ขยายตัว 5.2% y-y
  • อังกฤษเผยอัตราการว่างงานเดือนม.ค.ที่ระดับ 3.7% ดีกว่าตลาดคาดที่ระดับ 3.8% และทรงตัวจากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 3.7%

ปัจจัยลบ

  • สาธิต ปิตุเตชะ รมช.กระทรวงสาธารณสุข เผยนายกฯ มีคำสั่งถอนการพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มออกจากวาระประชุมครม.เมื่อวานนี้
  • แบล็กร็อก อินเวสต์เมนต์ อินสติติวต์ คาดเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้เกิดเหตุการณ์ SVB ล้มก็ตาม
  • มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Signature Bank ลงสู่ระดับ C และกำลังพิจารณาที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของ ธนาคารในสหรัฐฯ อีก 6 แห่ง ได้แก่ First Republic Bank, Zions Bancorporation, Western Alliance Bancorp, Comerica Inc, UMB Financial Corp และ Intrust Financial Corporation
  • มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประกาศปลดพนักงานจำนวน 1 หมื่นคน และปรับโครงสร้างบริษัท พร้อมกับเตือนว่าศก.จะยังคงเผชิญภาวะไร้เสถียรภาพเป็นเวลาอีกหลายปี

PICKS OF THE DAY

ADVANC BUY

  • เป้าหมาย 204.00/207.00 แนวรับ 196.00/198.50
  • พื้นฐานยังแข็งแกร่ง: จากทั้งแนวโน้มการแข่งขันที่ลดลง หลังเหลือเพียง 2 บริษัท, เศรษฐกิจที่ฟื้นหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค ทำให้บริษัทสามารถทยอยเลิกแพ็กเกจราคาประหยัดลงได้ ขณะที่กลางเดือน เม.ย. กสทช.จะพิจารณาดีล TTTBB, JASIF คาดโอกาสดีสำเร็จสูง จะช่วยหนุน Subscriber ฝั่ง FBB
  • ปัจจัยภายนอกกดราคาให้ถูกลง : จากความกังวลวิกฤติธนาคารในสหรัฐ ส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้น และเกิดแรงขายในหุ้น Big Cap ดังนั้นADVANC จึงถูกเผชิญแรงขายด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามพื้นฐานที่แข็งแกร่งดังที่กล่าวไปแล้ว ทางฝ่ายมองเป็นโอกาสในการเข้าเก็บหุ้นพื้นฐานดี แต่ราคาถูก

MASTER BUY

  • เป้าหมาย 82.00/83.25 แนวรับ 78.00/79.00
  • ต่างชาติเพิ่มขึ้น: คนทำศัลยกรรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติจาก เมียนมาร์, กัมพูชา และลาว ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย หนุนสัดส่วนรายได้ต่างชาติ เดือน ก.พ. ดีขึ้น m-m ขึ้นไปแตะที่ 28% จากสิ้นปี 65 ที่ 18% และมาร์จิ้นดีขึ้น ด้านลูกค้าจีนเริ่มทยอยเข้ามาบ้างแล้วเมื่อต้น มี.ค. ที่ผ่านมา
  • ปลดล็อก Capacity เดือน พ.ค. เป็นต้นไป: คาดจำนวนห้องผ่าตัดเพิ่มขึ้นเป็น 17 ห้องตั้งแต่ พ.ค. เป็นต้นไป จาก U-Rate ปัจจุบันที่ราว 94% (จาก 7 ห้อง) สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้นทำให้ผลประกอบการมีโอกาสเติบโตก้าวกระโดดตั้งแต่ 2Q66 เป็นต้นไป
- Advertisement -