iiG พบนักลงทุน Opp Day FY 22 โชว์ผลงานสร้างสถิติรายได้นิวไฮต่อเนื่อง กวาดรายได้ปี 65 ทะลุเป้า 962 ล้านบาท มั่นใจปี 66 ตั้งเป้าโต 45% พร้อมขยายการลงทุนในต่างประเทศเร็วๆ นี้
iiG เผยผลประกอบการประจำปี 2565 และแผนพัฒนาธุรกิจปี 2566 มุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการทำไร (Net Profit Margin) จากการบริหารโครงการ มั่นใจปี 2566 สร้างรายได้โตกว่า 1,400 ล้านบาท และแตะ 2,000 ล้านบาทในปี 2567 ขณะที่ผลประกอบการของปี 2565 ยังคงแข็งแกร่ง สามารถทำสถิติ รายได้รวม New High อย่างต่อเนื่อง 8 ไตรมาสติดต่อกัน แม้ว่าอัตรากำไรสุทธิในปีที่ผ่านมา จะปรับตัวลดลงเป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และต้นทุนการจ้างงานบริษัทภายนอก (Cost of Outsourcing) เชื่อมั่น ปีนี้อัตรากำไรสุทธิจะกลับมาที่อัตราปกติที่ 11%-12%
นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้บริหารบริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลเทคโนโลยีชั้นนำในประเทศไทย ร่วมแถลงผลประกอบการของบริษัทประจำปี 2565 ที่ผ่านมา และทิศทางการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ ปี 2566 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) บนแพลตฟอร์มออนไลน์
ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งปีสร้างสถิติสูงสุด อยู่ที่ 962 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 690 ล้านบาท เติบโตกว่า39% สร้างสถิติ All-time High อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้กลุ่มธุรกิจด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) และธุรกิจด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่มีอัตราการเติบโตคิดเป็นร้อยละ41.7 และร้อยละ 55.3 ตามลำดับ
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4/2565 บริษัทฯ ยังคงสามารถสร้างสถิติรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทฯ ติดต่อกัน 8 ไตรมาสต่อเนื่อง นับตั้งแต่ไตรมาส 1/64 จนถึงปัจจุบัน โดยในไตรมาส 4/2565 มีรายได้รวมที่ 254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.21 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 29.78% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 195.49ล้านบาท
นายสมชาย เปิดเผยว่า สาเหตุที่อัตรากำไรสุทธิลดลงในปีที่ผ่านมา เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ ต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนพนักงานที่มากขึ้นจาก 282คนในปีที่แล้ว เป็น 400 คน ณ สิ้นปี 2565 ถึงแม้จะรับพนักงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เพียงพอกับจำนวนงานในมือของบริษัทฯ เป็นผลให้ต้องจ้างบริการบุคลากรจากบริษัทภายนอกองค์กรมากขึ้น เพื่อเร่งดำเนินโครงการให้เร็วกว่ากำหนดตามความต้องการของลูกค้า เป็นผลให้ต้นทุนสูงขึ้นกว่า 5% นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่ผันผวนระหว่างปี 2565 ทำให้ต้นทุนการให้บริการ Subscription สูงขึ้นกว่า 5% เป็นผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯตระหนักถึงความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน จึงดำเนินการเปลี่ยนรูปแบบสัญญาการให้บริการกับลูกค้า จากเดิมที่เป็นสกุลเงินไทยบาท เปลี่ยนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้สะท้อนกับมูลค่าตลาดที่แท้จริง
iiG เชื่อมั่นว่า จากแผนการพัฒนาบุคลากร ประกอบกับการเข้าซื้อกิจการบริษัท แลนซิ่ง บิสสิเนส ซิสเต็มส์ จำกัด จะทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการจ้างงานภายนอกองค์กรได้อย่างมาก ซึ่งปัจจุบันแลนซิ่งมีพนักงานกว่า 300 คน รวมกับพนักงานของ iiG ปัจจุบัน ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีพนักงานมากกว่า 740 คน นอกจากนี้ iiG ยังมองหาบริษัทเพื่อการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริการ Outsource ในประเทศเวียดนาม เนื่องด้วยเป็นประเทศที่มีบุคลากรที่มีทักษะความเชี่ยวชาญด้านไอทีสูงและต้นทุนต่ำกว่า
อีกหนึ่งปัจจัยคือ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว และความผันผวนของค่าเงินในช่วงไตรมาส 2-3 ยังส่งผลกระทบต่อต้นทุนใบอนุญาตการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Subscription) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายจากการขายและการบริหาร ซึ่งรวมค่าที่ปรึกษาทางการเงินในการทำดีล M&A กับ บริษัท แลนซิ่ง บิสสิเนส ซิสเต็มส์ จำกัดอีกด้วย โดยต้นทุนใบอนุญาตการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Subscription) ที่สูงขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Salesforce & Oracle Software Subscription and License ลดลงจาก 18% ในปีที่แล้ว เหลือ 12% ซึ่งถือเป็นปัจจัยชั่วคราว และอยู่ในวิสัยที่บริษัทฯ สามารถจัดการได้ อีกทั้ง บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการทำเจรจากับคู่ค่าสำหรับสัญญาใหม่และลูกค้าที่ต่อสัญญาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแทน โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในช่วงกลางปี 2566
สำหรับปี 2566 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ทั้งปีเติบโตกว่า 40% หรือประมาณ 1,350 -1,400 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจเดิมของบริษัท (Organic Growth) ในกลุ่ม CRM และ ERP ที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตรา 20-25% อีกทั้งรายได้เสริมจากธุรกิจใหม่ อาทิ MarTech, InsureTech และ HealthTech รวมถึงการลงทุนในบริษัท แลนซิ่ง บิสสิเนส ซิสเต็มส์ จำกัด หรือ Lansing ผู้นำด้าน Software Development, Outsourcing และ IT Security ที่คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2566 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนขยายกิจการในอนาคตด้วยเช่นกัน