Daily Focus: Maintain Domestic Play
2023SET Target: 1750
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ปิดบวกอีก 9.02 จุด ณ สิ้นวัน หุ้นปรับตัวลงแรงในช่วงเช้าก่อนจะมีแรงซุ้นจากแรงซื้อหุ้น Big Cap โดยเฉพาะ DELTA และกลุ่มธนาคาร สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.8 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 2 พันลบ. (สถานะรายกลุ่มใน Index Futures ค่อนข้างเบาบาง ไม่มีนัยยะนัก)
แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องระยะสั้น จากแรงกดดันในภาคการเงินของสหรัฐฯ และยุโรปที่คลายตัวลงบ้าง หลังล่าสุด UBS ตกลงเข้าซื้อ Credit Suisse ด้วยวงเงิน US$3.23 พันล้าน ซึ่งช่วงป้องกันเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์จากวิกฤติครั้งนี้ ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุม FED วันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งไฮไลท์หลักคือมุมมองแนวโน้มดอกเบี้ยจาก Dot Plot ว่ามอง Peak Rate ที่ระดับใด ส่วนในประเทศจับตาการประกาศยุบสภา โดยภาพรวมบรรยากาศการลงทุนดูคลายตัวขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ภาคการเงินในฝั่งตะวันตกอยู่ รวมถึงโอกาสที่จะเห็นเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเกิดภาวะ Recession เร็วกว่าที่เคยประเมิน เรายังมองปัจจัยพื้นฐานในประเทศมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า และยังมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคคาดเร่งขึ้นระยะสั้นในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เรามองการปรับฐานของดัชนีสู่ระดับแนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเป็นระดับที่น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน ยังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มหลังปรับฐานแรงสู่แนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเน้นหุ้น Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL
หุ้นเด่นวันนี้ : HMPRO
- แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 17.23 บาท
- แนวโน้มกำไร 1Q23 คาดได้แรงหนุนจาก SSSG ที่ล่าสุด QTD +3-5% y-y เร่งขึ้นจาก 4Q22 ที่ +2.9% y-y โดยได้แรงหนุนจากช้อปดีมีคืนและนักท่องเที่ยวที่กลับมาในสาขาต่างจังหวัด ส่วน Margin คาดขยายตัวทั้ง q-q และ y-y
- Consensus คาดกำไรปี 2023 +10% y-y โดยตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้ 10 สาขา (Mega Home 8 สาขาและ Home Pro 2 สาขา) นอกจากนี้หากภาครัฐปรับลดค่าไฟภาคธุรกิจลงในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 23 จะเป็นบวกต่อฝั่งต้นทุน
- แนวรับ 14//13.60 บาท แนวต้าน 14.60//15 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกกลับมาไหลเข้าภูมิภาค US$562 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$414 ล้าน และ US$179 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลออกจากไทย US$58 ล้าน แต่ไหลเข้าเวียดนาม US$26 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังผันผวนและรอจับตาการประชุม FED สัปดาห์นี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ยุบสภาสัปดาห์นี้ หลังราชกิจจาฯประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขตแล้วเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยคาดนายกฯ จะประกาศยุบสภาในช่วง 20-22 มี.ค. นี้ ส่วนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายใน 60 วัน โดยกำหนดการเดิมอยู่ที่ 7 พ.ค. 23 ซึ่งอาจขยับออกเป็นวันที่ 14 พ.ค. 23 โดยรอความชัดเจนอีกครั้ง เราประเมินว่าจะเป็น Catalyst บวกระยะสั้นสำหรับกลุ่ม Domestic Play จากเม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงหาเสียง เรามองกลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ ค้าปลีก อาหาร และเครื่องดื่ม ไฟแนนซ์
(0) Highlight อยู่ที่การประชุม FOMC หลังจากช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีความผันผวนและไม่แน่นอนในภาคการเงินของทั้งสหรัฐฯ และยุโรปค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดเริ่มลังเลว่า FED จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯเดือน ก.พ. ล่าสุดที่ยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอที่ชัดเจนเพียงพอ เราจึงยังมอง จะเดินหน้าขึ้น FED ดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75-5% (ตลาดให้ความน่าจะเป็น 74%) อย่างไรก็ตาม หาก FED ตัดสินใจคงดอกเบี้ย เรามองว่าตลาดจะตอบรับในเชิงบวก เนื่องจากหมายความว่า FED มีความกังวลต่อเสถียรภาพในภาคการเงินระยะสั้นมากกว่าเงินเฟ้อ
(+) BGRIM เราคาดโมเมนตัมกำไรปี 2023 จะเห็นการฟื้นตัวที่แข็งแรง หนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft ภาคธุรกิจในงวด ม.ค.-เม.ย. 23 ขณะที่ฝั่งต้นทุนเราประเมินว่าต้นทุนก๊าซจะทยอยปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของปี หนุนจากผลผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้คาดว่าจะเห็นการลงทุนในโรงไฟฟ้ากลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งลมและแสงอาทิตย์ จากการประมูลของภาครัฐรวม 5.2 GW รวมถึงในต่างประเทศเราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2023 ขึ้นเป็น +625% y-y จากฐานที่ต่ำปีก่อน ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 47 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) PYLON แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยังไม่กลับไปบวกเท่ากับก่อน COVID-19 แต่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของงานภาคเอกเชน เช่น คอนโด ทำให้การแข่งขันผ่อนคลายขึ้น ส่วนสถานการณ์แรงงานไม่มีปัญหาขาดแคลน แต่งานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 400 ลบ. ยังไม่มีกำหนดเริ่มงาน หากหักงานดังกล่าวออก Backlog จะเป็น 1.2 พันลบ. เบื้องต้นเราคาดกำไรปี 2023 +58% y-y โดยจะฟื้นโดดเด่นใน 1Q23 ทั้ง q-q, y-y จากฐานต่ำ ประเมินราคาเป้าหมาย 5.30 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) NSL ผู้บริหารยังคงเป้าตามเดิม รายได้ปี 2023 +17% y-y เป็น 4.7 พันลบ. จากการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ทั้งกับกลุ่ม 7-11 และ Non-7-11 ระยะสั้นใน 1Q23 เชื่อว่ายังท่าได้ตามเป้า คือทรงตัว Q-Q ตามฤดูกาลและโต y-y แม้ต้นทุนวัตถุดิบบางรายการจะสูงขึ้น แต่บริษัทปรับขึ้นราคาขายเพื่อรักษาอัตรากำไร เรายังคงประมาณการกำไรปี 2023 +15% y-y แนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมาย 26 บาท
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 384.57 จุด หรือ -1.19% ปิดที่ 31,861.98 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารและโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลต่อภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรป แม้จะมีมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.01 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 66.74 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับธนาคารในสหรัฐและยุโรป อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 66.95 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.31%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 50.20 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 1,990.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลของวิกฤตธนาคาร ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 1,993.4 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.16%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 921.08 / +6.36