บล.ฟิลลิป:
LEO: จุดต่ำสุดคาดผ่านไปแล้วใน 4Q65
ถือ TP’66 : 10.60
จุดต่ำสุดคาดว่าจะผ่านไปแล้ว จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็จะยังไม่ดีเท่าปีก่อน เนื่องจากค่าระวางเรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นรายได้หลักจากธุรกิจกลับสู่ภาวะปกติจากที่ได้รับผลบวกจากโควิด แม้อัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้น ราคาปรับตัวลงรับข่าวผลประกอบการมาแล้ว ปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ขาย” เป็น “ถือ”
- คาดจุดต่ำสุดผ่านไปแล้วใน 4Q65: คาดจุดต่ำสุดผ่านไปแล้วใน 4Q65 ที่มีกำไรเพียง 7.5 ลบ. (มีบันทึกขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 7.4 ลบ.) แม้ในเดือน ม.ค. การขนส่งยังคงซบเซา แต่เดือน ก.พ. ฟื้นตัวขึ้น และ มี.ค. สหรัฐฯ เริ่มกลับมานำเข้าสินค้าอีกครั้ง ทำให้ค่าระวางเรือฟื้นตัว และแนวโน้มผลการดำเนินงานจะดีกว่าใน 4Q65 และด้วยฤดูกาลใน 2Q66 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง และน่าจะไปดีสุดใน 3Q66 ที่เป็น high season ของธุรกิจ, การขนส่งทางอากาศค่อนข้างท้าทายมากกว่าขนส่งทางเรือ เนื่องจาก Capacity เพิ่มขึ้นมาก จากเครื่องบินกลับมาบินมากขึ้น ทำให้ค่าระวางทางอากาศลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน อีกทั้งผู้ผลิตสินค้าบางส่วนหันมาใช้ขนส่งทางเรือที่ถูกกว่าโลจิสติกส์ครบวงจร คาดจะอ่อนตัวลงจากการนำเข้าส่งออกที่ชะลอตัวลง และพื้นที่เช่าและรับฝากตู้สินค้าดีขึ้น เพราะปีก่อนมีการเปิด self-storage แห่งที่ 2 และ Container Depot แห่งที่ 2
- ขยายธุรกิจ Non-Freight มากขึ้น: เนื่องจากค่า Freight ทั้งทางเรือและทางอากาศมีความผันผวน LEO จึงขยายธุรกิจ Non-Freight มากขึ้น โดยผ่านการทำ JV และตั้งบริษัทย่อยใน 11 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 670 ลบ. คาดว่าจะมีรายได้ในปีนี้รวม 490 ลบ. และจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลดีลดความผันผวนของการดำเนินงานและมีฐานลูกค้าใหม่ๆ และยังมีโครงการที่ยังเจรจาอีก 2-3 โครงการ จะเปิดเผยเมื่อเรียบร้อย รวมถึงมีการ M&A