บล.บัวหลวง:
Advanced Info Service (ADVANC TB/ADVANC.BK)
ADVANC – อัพไซด์จากรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2566
การยกเลิกโปรโมชั่น “ความเร็วคงที่ไม่จำกัดการใช้งาน” ของ ADVANC ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4/65 และการที่คู่แข่งทำตาม ADVANC โดยยกเลิกโปรโมชั่นดังกล่าวเช่นกันในช่วงปลายเดือนม.ค. 2566 เรามองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้การแข่งขันของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เรายังคงคําแนะนํา “ซื้อ” เนื่องจากรายได้บริการที่จะกลับมาฟื้นตัวและมูลค่าหุ้นที่ดูน่าสนใจโดย EV/EBITDA อยู่ที่ 7.8 เท่า (เทียบกับจุดสูงสุด เมื่อเร็วๆ นี้ที่ 9 เท่าในเดือนมี.ค. 2565)
การแข่งขันธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์บ้านที่ปรับตัวดีขึ้น
ตั้งแต่ไตรมาส 1/66 หลังจากที่ ADVANC ยกเลิกโปรโมชั่น “ความเร็วคงที่ไม่จำกัดการใช้งาน” ทั้งหมด และนำเอาโปรโมชั่นใหม่ “จำกัดการใช้งานสูงสุด” โดยกำหนดโควต้าการใช้งาน ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายไตรมาส 4/65 สิ่งที่ตามมาได้แก่ True Move-H และ DTAC ได้ทําตาม ADVANC เช่นกันในช่วงปลายเดือนม.ค. 2566 เราประเมินว่าจะนำไปสู่ภาวะการแข่งขันด้านราคาที่ลดลง รวมถึงรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะปรับตัวสูงขึ้น และรายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2566 เราเห็นรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนที่เริ่มทรงตัว QoQ สําหรับในไตรมาส 4/65 โดยรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของระบบโพสต์เพดเพิ่มขึ้น 0.4% QoQ ขณะที่ของระบบพรีเพดทรงตัว QoQ และของทุกระบบเพิ่มขึ้น 0.5% QoQ รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนที่เริ่มยืนแข็งแกร่ง QoQ ในไตรมาส 4/65 ได้รับปัจจัยหนุนมาจากปัจจัยด้านฤดูกาลที่เป็นช่วงไฮซีซั่น และจากภาวะการแข่งขันที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย เราคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนที่ดีขึ้นจะอยู่ในรูปของการลดลง YoY ในอัตราที่ชะลอตัวลงในปี 2566 สําหรับธุรกิจบรอดแบนด์บ้าน ADVANC ได้ทำการยกเลิกและนำเอาโปรโมชั่นราคาถูก 299 บาทออกไปจากตลาดแล้วเช่นกัน ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาแพ็กเก็จบรอดแบนด์บ้าน และคาดว่าจะส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจบรอดแบนด์บ้านมีแนวโน้มที่จะลดลงในอัตราที่ชะลอตัวลงในปี 2566
อัพไซต์จากรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้น ในปี 2566
ณ ปัจจุบันเราใช้สมมติฐานรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนสําหรับทุกระบบที่ 213 บาท สำหรับในปี 2566 หรือคิดเป็นลดลง 1.3% YoY และเนื่องจากภาวะการแข่งขันที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เราจึงมองว่ามีอัพไซด์ ต่อสมมติฐานรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่สําหรับ ในปี 2566 เราทำการวิเคราะห์ความอ่อนไหวระหว่างการเปลี่ยนแปลงของรายได้ต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผลกระทบต่อรายได้ บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ กำไรสุทธิในปี 2566 และราคาเป้าหมายซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF
ถ้าหากว่ารายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.2% (จากสมมติฐาน ณ ปัจจุบัน) ไปเป็น 216 บาท/ราย/เดือน ประมาณการรายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเราในปี 2566 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 1.4% (ไปเป็น 1.21 แสนล้านบาท) และกำไรสุทธิปี 2566 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 3.3% (ไปเป็น 2.72 หมื่นล้านบาท) และราคาเป้าหมายซึ่งอิงกับวิธี DCF มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก 1.6% [ไปเป็น 261 บาท) ภายใต้สมมติฐานว่ารายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ปรับเพิ่มขึ้น 5.1% (จากสมมติฐาน ณ ปัจจุบัน) ไปเป็น 224 บาท/ราย/เดือน รายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ กําไรสุทธิและราคาเป้าหมายในปี 2566 ของเรามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 5.4% 13% และ 6.3% ตามลำดับ หรืออีกนัยหนึ่ง ทุกๆ การเปลี่ยนแปลงของรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1% จะส่งผลให้รายได้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง 1.1% กำไรสุทธิเปลี่ยนแปลง 2.5% และราคาเป้าหมายเปลี่ยนแปลง 1.2%
เป้าหมายในปี 2566 ได้แก่ การเน้นรายได้และส่วนแบ่งตลาดที่สร้างกำไร
บริษัทจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่สร้างกำไรและผลักดันให้รายได้บริการหลักเติบโต 3-5% ในปี 2566 สำหรับบริการ 5 จี บริษัทจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่สร้างกําไร ผลักดันให้มีการย้ายแพ็คเก็จไปสู่ระบบ 5 จีให้มากขึ้น และเพิ่มอัตราการเข้าถึงการใช้งาน 5 จี ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์หลักที่จะหนุนให้เป้าหมายจำนวนผู้ใช้บริการ 5 จีเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 12 ล้านราย ณ สิ้นปี 2566 (หรือเพิ่มขึ้นอีก 5.17 ล้านรายจากปีก่อนหน้า) ในขณะเดียวกัน สำหรับธุรกิจบรอดแบนด์บ้าน บริษัทจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบนเพื่อผลักดันให้รายได้ต่อรายต่อเดือนของธุรกิจบรอดแบนด์บ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้กลยุทธ์ FMC เพิ่มขึ้น และสร้างผลประโยชน์ร่วมหลังจากการรวมกิจการกับ TTTBB ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนเป้าหมายจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์บ้านให้เพิ่มขึ้นไปเป็น 2.5 ล้านราย ณ สิ้นปี 2566 (หรือเพิ่มขึ้นอีก 0.33 ล้านรายจากปีก่อนหน้า) เราคาดว่าการลงทุนในแพลตฟอร์มไอทีใหม่และระบบเอไอใหม่ (ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 3 ปีกว่าจะเสร็จสิ้น) จะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปรับตัวลดลงและประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว