ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ / 1,545-1,570

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • คาด SET แกว่งตัวทางบวก: หลังวานนี้ตลาดได้ตอบรับปัจจัยลบ อย่างกระแสข่าวที่ว่าราคาหุ้นกู้ที่นับเป็น AT1 ของธนาคาร เครดิต สวิส ซึ่งมีมูลค่าตามสัญญาที่ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีมูลค่าเป็นศูนย์ไปแล้ว กอปรกับได้รับ Sentiment ทางบวกจากตลาดสหรัฐฯ และยุโรปที่ปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตในภาคธนาคาร ด้านค่าเงินบาทที่แข็งค่าคาดเป็นปัจจัยหนุนเข้ามาช่วยชะลอการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ โดยค่าเงินบาทแข็งค่าที่ระดับ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หลัง Dollar Index ร่วงลงสู่ระดับ 103 จุด ก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ โดยล่าสุด CME FedWatch Tool จะให้น้ำหนัก 73.8% ที่เฟดจะขึ้นอัตรา 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งคาดว่าระดับดังกล่าวจะเป็นจุดสูงสุดของดอกเบี้ยในปีนี้ ทั้งนี้หาก Dot plot ของรอบการประชุมเดือนมี.ค. Terminal rate ออกมาต่ำกว่าของครั้งก่อนหน้า คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ด้านในประเทศได้แรงหนุนจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง หลังพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวานนี้ และให้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปภายใน 45-60 วันหลังประกาศดังกล่าว โดยนายวิษณุ เครืองาม เผยกกต.จะสามารถประกาศกำาหนดวันเลือกตั้งได้ภายในวันศุกร์นี้ และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.66 คาดส่งผลให้เกิดแรงเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง และเกี่ยวเนื่องกับการเมือง นอกจากนี้รัฐบาลได้ทิ้งทวนโดยการให้ของขวัญอย่างการลดภาษีที่ดิน คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
  • กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+เลือกตั้ง: CPALL, CRC, ICHI, MAKRO, 2) ลดภาษีที่ดิน: AP, LH, ORI, SC, SIRI, SPALI 3) หุ้นใหญ่พื้นฐานดีน่าซื้อเก็บ: ADVANC, AMATA, AOT, BBL, BDMS, CENTEL, GULF และ 4) Defensive: BGRIM, GPSC

ปัจจัยบวก

  • เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท โดยให้ลดจํานวน ภาษี 15% ของจํานวนภาษีที่คํานวณได้สำหรับการจัดเก็บภาษีของปี 66
  • ที่ประชุมบอร์ดบีโอไออนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ รวมมูลค่า 56,615 ล้านบาท เพื่อเสริมความ แข็งแกร่งโครงสร้างพื้นฐานในด้านพลังงานของประเทศ
  • ททท.เผยว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 66 จะมีความคึกคักมากกว่าปี 62 (ก่อนเกิด โควิด 19)

ปัจจัยลบ

  • ลอยด์ แบลงค์ไฟน์ อดีตซีอีโอของธนาคารโกลด์แบน แซคส์ เผยวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯจะกระตุ้นให้เกิดการคุมเข้มด้านการปล่อยสินเชื่อโดยรวมจนชะลอการเติบโตของศก.สหรัฐฯ
  • โกลด์แมนแซคส์คาดราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ระดับ 94 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จากเดิมคาดที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะศก.กดถอยและวิกฤตในภาคธนาคาร
  • Amazon เตรียมปลดพนักงานอีก 9 พันกว่าตําแหน่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอน ศก.ซึ่งเป็นการลดลงในรอบที่ ใหญ่สุดของบริษัท

PICKS OF THE DAY

BGRIM BUY

  • เป้าหมาย 41.00/42.00 แนวรับ 38.25/39.00
  • คาด 1Q66 พลิกกลับมากำไร: ทางฝ่ายคาด 1Q66 BGRIM จะสามารถพลิกกลับมากำไรได้ เนื่องจากการปรับขึ้นค่า Ft สำหรับงวด ม.ค.-เม.ย. 2566 มาอยู่ที่ 154.92 สตางค์ ประกอบกับแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น และไม่มีรายการพิเศษ
  • รับรู้กำลังการเพิ่มอีก 280 MW ในปี 2566: BGRIM มีแผนในการ COD โครงการ BGPAT2 และ BGPAT3 ในปี 2566 กำลังการผลิตรวม 280 MW นอกจากนี้การที่ กพช. รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก 3,668 MW ทำให้คาดว่าจะเป็น upside ต่อกำลังการผลิตของ BGRIM

SPALI BUY

  • เป้าหมาย 22.90/23.50 แนวรับ 21.50/21.80
  • เน้นปลอดภัย: จากสถานการณ์ในต่างประเทศที่ยังมีความผันผวน หุ้นที่มีรายได้หลักอยู่ภายในประเทศ และมี Demand ที่แข็งแกร่ง ยังคงมีความได้เปรียบในสถานการณ์นี้ ธุรกิจกลุ่มพัฒนาอสังหาฯตอบโจทย์ทุกข้อ, SPALI ได้เปรียบในการขยายโครง การส่วนใหญ่ไปในต่างจังหวัด ตามหัวเมืองต่างๆ รองรับการจ้างงานที่ฟื้นตัวจากจำนวนท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งกว่าผู้พัฒนาท้องถิ่น
  • PE ต่ำ: ปัจจุบัน PE 5.3 เท่า ต่ำที่สุดในกลุ่ม และอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนที่โควิดระบาดหนักในปี 2563, และจ่ายปันผลวันที่ 23 พ.ค. ที่ 0.75 บาท/หุ้น มองราคาหุ้นอยู่ในโซนต่ำ
- Advertisement -