ตลาดหุ้นค่อยๆ ฟื้น หลังรับรู้ปัจจัยลบไปเยอะ / กรอบ SET INDEX 1555-1570

Market Outlook

เมื่อวานที่ผ่านมาราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้การดำรงตำแหน่งต่างๆ ของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง และเตรียมเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างชัดเจน เบื้องต้นประเมินว่าการเลือกตั้งจะอยู่ในช่วงต้นสัปดาห์-กลางสัปดาห์ของเดือนพ.ค. ทั้งนี้ข้อมูลในอดีตกับการยุบสภา 4 ครั้งล่าสุดพบว่า 1 เดือนหลังประกาศยุบสภาทั้ง 4 ครั้ง SET INDEX ให้ผลตอบแทนติดลบทั้ง 4 ครั้ง ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 5.65% อย่างไรก็ตาม กับครั้งล่าสุด มีความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นอาจให้ผลตอบแทนเป็นบวกหลังจากนี้ เนื่องด้วยว่าปัจจุบันตลาดหุ้นทั้งไทยและต่างประเทศปรับตัวลงมารับปัจจัยลบด้านความกังวลธนาคารต่างๆ ไปมาก แล้ว และทำให้ระดับ Valuation ปัจจุบันของ SET มิได้แพงมากนัก เมื่อประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัว และเงินเฟ้อเป็นทิศทางขาลง ก็เชื่อว่าหลังจากนี้ 1 เดือน ตลาดหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวก ส่วนต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา Bloomberg ได้นำเสนอการยืนรัสเซียของประธานาธิบดี Xi Jinping แล้วคาดว่ามีโอกาสที่ความไม่สงบระหว่างยูเครนกับรัสเซียจะสงบลงได้จากการพบปะของทั้ง 2 ประธานาธิบดี ถือเป็นปัจจัยบวกที่ต้องติดตามจากนี้ โดย XI Jinping จะเยือนรัสเซียเป็นเวลาทั้งหมด 3 วัน ส่วนปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 4.19 ล้านหลังคาเรือน โดยปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะทราบผลอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย วันนี้ประเมิน SET ปรับตัวขึ้นในกรอบ 1555-1570

เชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังแนะทยอยสะสมเช่นเดิม ด้วย Valuation ที่น่าสนใจ และตลาดหุ้นก็รับข่าวร้ายไปพอสมควรแล้ว ในส่วนของการสะสมเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, HMPRO) สนามบิน (AOT) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM) โรงแรม (MINT) ส่วน Trading ระยะสั้นยังแนะนำกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB, TISCO) มองราคาหุ้นปรับลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้ถูกกระทบแต่อย่างใด อื่นๆ แนะกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK, STEC)

หุ้นแนะนําซื้อวันนี้

STEC ราคาพื้นฐาน 15.30 บาท

กําไรสุทธิงวด 4Q22 อยู่ที่ 314 ล้านบาท (-16% YoY, +127% QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ อย่างกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 36 ล้านบาท (4Q21 มีมูลค่า 141 ล้านบาท) จะมีกำไรปกติ 278 ล้านบาท (+18% YoY, 101% QoQ) เป็นกำไรปกติรายไตรมาสที่สูงสุดในรอบ 3 ปี สาเหตุหลักมาจากกําไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่5.8% ปัจจัยบวกอื่นคือแนวโน้มรายได้ปี 23 ยังเห็นการเติบโตได้จากฐาน Backlog ที่มีกว่า 1 แสนล้านบาท

CPN ราคาพื้นฐาน 83.00 บาท

ในแง่การดำเนินงาน CPN ได้รับผลดีจากมาตรการเปิดประเทศของจีนที่ทําให้จํานวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวได้อย่างมาก โดยปื 2023 เราประเมินรายได้อยู่ที่ 40,917 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12,855 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าปี 2019 แล้ว

Pi Technical Daily 

- Advertisement -