Daily Focus: Maintain Domestic Play

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways Up ได้ต่อเนื่องตามคาด ปิดบวกอีก 7.90 จุด ณ สิ้นวัน ยังคงนำโดยกลุ่ม Domestic และ Reopening อย่างค้าปลีก ท่องเที่ยว การแพทย์ สถาบันในประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.7 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 1.1 พันลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures 9.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,575-1,590 จุด ลดความร้อนแรงระยะสั้นหลังจากปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วง 2 วันก่อนหน้า ปัจจัยกดดันมาจากผลการประชุม FED ซึ่งแม้จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด แต่เน้นย้ำว่าคณะกรรมการไม่มีแผนที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ซึ่งสวนทางที่ตลาดคาด ทำให้ตลาดผิดหวังและกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะถัดไปมากขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยง Recession เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้น แต่ไหลเข้าพันธบัตรและทองคำ ขณะที่เยล เลนกลับลำกล่าวว่า FDIC ไม่มีการพิจารณาเรื่องการคุ้มครองเงินฝากทั้งหมด ภาพรวมปัจจัยในประเทศจึงดูมีแรงหนุนมากกว่า โดยหลักๆ ยังคงมาจากการเริ่มหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นบวกต่อการบริโภคและเศรษฐกิจใน 2Q23 เรามองการปรับฐานของดัชนีเข้าใกล้แนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเป็นระดับที่น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน ยังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวชัดเจนกว่า

กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท
  • แนวโน้มกำไร 1Q23 คาดเติบโตต่อเนื่อง q-q หนุนจากผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดรายได้ 1QTD +6% y-y ส่วนภาพทั้งปี 2023 ผู้บริหารมองรายได้โต 6-8% Y-Y แม้ฐานสูง แต่ได้แรงหนุนจากจีนและซาอุฯ ที่เร่งตัว
  • เราคาดกำไรปี 2023 +7% y-y และมี Upside หาก EBITDA Margin ทำได้ดีกว่าคาด และเป็นหุ้นที่คาดเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาดในภาวะที่ผันผวนปัจจุบัน
  • แนวรับ 27.50-27 บาท แนวต้าน 30//31 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$1,078 ล้าน แต่กระจุกตัวที่ไต้หวัน US$918 ล้าน รองลงมาคือเกาหลีใต้ US$185 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน แต่ยังไหลออกจากไทยต่อเนื่องอีก US$32 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีโอกาสที่จะพลิกมาไหลออกหลัง FED ยังเดินหน้าดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวกว่าที่ตลาดคาด โดยยังไม่มีแผนปรับลดดอกเบี้ยปีนี้ ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสําคัญวันนี้

(-) ตลาดตอบรับเชิงลบต่อผลการประชุม FED โดยล่าสุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75-5% ตามที่ตลาดคาด แต่ถ้อยแถลงของประธาน FED และ Dot Plot สะท้อนว่า อาจเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งและพีคที่ 5-5.25% แต่ที่สำคัญคือคณะกรรมการไม่ได้มองถึงการปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ขณะที่ปี 2024 มีการขยับมุมมองดอกเบี้ยขึ้นเล็กน้อยจาก 4.1% เป็น 4.3% สะท้อนนโยบายการเงินที่จะดึงตัวนานขึ้น ขณะที่ประมาณการ GDP มีการปรับลงเล็กน้อย โดยปี 2023-2024 คาด +0.4% y-y และ +1.2% y-y ตามลำดับ และปรับคาดการณ์ Core PCE ขึ้นเล็กน้อยเป็น +3.6% และ +2.6% ตามลำดับ ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง และไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่ำและปลอดภัยอย่างพันธบัตรและทองคำ หุ้น Global Play คาดมีโอกาส Underperform ต่อเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

(+) กกพ.ปรับลดค่า Ft ภาคธุรกิจเดือน พ.ค.-ส.ค. 23 ลง เคาะค่าไฟอัตราเดียว 4.77 บาท/หน่วย โดยภาคครัวเรือนขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 4.72 บาท/หน่วย ขณะที่ภาคธุรกิจปรับลงถึง 16% จาก 5.69 บาท/หน่วย จากงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มค้าปลีก ร้านอาหาร และเริ่มเห็นผลบวกใน 2Q23 เป็นต้นไป เป็น Catalyst บวก MAKRO CPALL M ZEN เป็นต้น รวมถึงโรงงานในภาคการผลิต

(0) M เรายังมองกำไรปี 2023 จะฟื้นตัวได้หลังผ่านจุดต่ำสุดในปี 2021 แต่การฟื้นตัวอาจช้ากว่าที่เคยคาด เพราะต้นทุนวัตถุดิบปรับลงช้ากว่าคาด จากการล็อกราคาเป็ดและหมูยาวถึงสิ้นปี (ต้นทุนเป็ดและหมูคิดเป็น 40% ของต้นทุนทั้งหมด) และระยะสั้นยังถูกกดดันจากค่าไฟที่ปรับขึ้น คาดกำไร 1Q23 จะฟื้นตัวทั้ง q-q และ y-y จาก SSSG 1QTD ที่บวก 13-14% y-y สําหรับ M และ Yayoi ปรับขึ้นราคาอาหารชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น และยังมองกำไรมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อใน 2Q23 และ 2H23 และมีแผนขยายแหลมเจริญไปยังมาเลเซียผ่าน JV อย่างไรก็ตามเราปรับลดประมาณกำไรปี 2023 ลง แต่คาดยังโตสูง +51% y-y ปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก 66 บาทเหลือ 59 บาท แต่ยังแนะนำ “ซื้อลงทุน”

(-) XO โทนประชุมจาก Opportunity Day เป็นลบ เพราะคำสั่งซื้อ 1H23 อ่อนตัว ส่วนเป้ารายได้ทั้งปีคาด +10% y-y มาจากการปรับเพิ่มราคาขายเป็นหลัก ระยะสั้นถูกกดดันจากผู้บริโภคที่กลับออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ทำให้ Demand ซอสปรุงรสเพื่อทำอาหารเองที่บ้านลดลงจากช่วง COVID-19 ส่วนด้านต้นทุนมีการล็อคราคาพลิกและน้ำตาลถึงกลางปี 2024 ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อน ส่วนโรงงานใหม่แห่งที่ 3 ถูกเลื่อนออกไป เรามีแนวโน้มปรับลดประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายลง และต้องติดตามคำสั่งซื้อใน 3Q23 ว่าจะฟื้นตัวหรือไม่ แนะนำ “ชะลอการลงทุน”

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 530.49 จุด หรือ -1.63% ปิดที่ 32,030.11 จุด โดย FED ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาด แต่คณะกรรมการไม่มีแผนการปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ซึ่งอาจทำให้ตลาดผิดหวัง รวมถึงเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐแถลงต่อสภาคองเกรสว่าบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ยังไม่มีการพิจารณาการค้ำประกันเงินฝากทั้งหมด

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ฟื้นตัว ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดก่อนที่ผลการประชุม FED จะประกาศ

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.17 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 70.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของ FED เป็นไปตามที่ตลาดคาด ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 70.30 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.85%

(0) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 8.30 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,966.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดทองค่านิวยอร์กปิดการซื้อขายก่อนจะรู้ผลการประชุม FED ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นที่ระดับ 1,989.4 ดอลลาร์/ออนซ์ +1.16%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 923.11 / –

- Advertisement -