Our View? “ดีขึ้นแต่ยังผันผวนอยู่บ้าง”
คาดตลาดวันนี้ “sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,590 / 1,580 และแนวต้านที่บริเวณ 1,600 / 1,610 คาดตลาดยังคงให้น้ำหนักต่อปัญหาวิกฤติธนาคารในสหรัฐ-ยุโรป ที่คาดว่าจะผ่อนคลายลงต่อเนื่อง หลังจากที่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ระดับภูมิภาคหลายท่านได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นต่อระบบธนาคารสหรัฐว่า มีสภาพคล่องที่เพียงพอทำให้ FED ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับเราที่คาดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการสะท้อนถึง FED น่าจะประเมินว่าสถานการณ์วิกฤตธนาคาร เป็นปัญหาเพียงระยะสั้น และคาดว่าจะไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะทดถอยรุนแรง (Hard Landing) อีกทั้งการหยุดขึ้น-รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป คาดจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อระยะยาวของสหรัฐปรับตัวลงยากและจะเกิดปัญหาได้ในระยะยาว ซึ่งเรามองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง อีกทั้งมีรายงานรัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มจะออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม คาดจะเป็นการขยายโครงการให้เงินกู้ฉุกเฉิน (Emergency lending facility) เพิ่มเติม เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ได้รับสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นและต่อเวลาให้ First Republic Bank (FR8) รอดพ้นจากปัญหาดังกล่าวเพิ่มเติมจากการที่ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐอัดฉีดเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ FRB ก่อนหน้ากว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านวิกฤตธนาคารในยุโรปจากความกังวล Deutsche Bank (DBK) อาจประสบปัญหาคล้ายกับ Credit Suisse (CS) เรามองเป็นเพียงการ Panic ของตลาดในระยะสั้น เรามองพื้นฐานของ DBK ค่อนข้างมีความแตกต่างจาก CS แม้มูลค่าตลาดของ DBK จะปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา และ Credit Default Swaps (CDS) ของ DBK จะปรับตัวขึ้นแรงจากความกังวลของตลาด และ DBK เคยเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้าง แต่ฐานะทางการเงินของ DBK ที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยยังสามารถทำกำไรได้ และมีอัตราส่วนด้านสภาพคล่องอยู่ในระดับสูงกว่า 142.0% เราจึงมองความกังวลดังกล่าวเป็นเพียงการ Panic ของตลาดในระยะสั้นเท่านั้น
ในส่วนของการเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมัน ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. แกว่งตัวค่อนข้างผันผวน เมื่อคืนนี้ปิดที่ระดับ 69.26 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.70 ดอลลาร์ -1.00% คาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานการซื้อกลับน้ำมัน เพื่อทดแทนคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ (SPR) ที่ระบายออกมาช่วงก่อนหน้าอาจใช้เวลาหลายปี รวมทั้งคาดการณ์กลุ่ม OPEC+ จะยังคงมติในการรักษานโยบายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรล/วัน ต่อไปจนถึงสิ้นปี’66 แม้ว่าเศรษฐกิจจะอยู่กับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤติธนาคารในสหรัฐฯ-ยุโรป คาดจะกดดันทิศทาง-จำกัดUpside ของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้บ้าง
สำหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงมองตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายจากการ Panic ในวิกฤตธนาคารในสหรัฐ-ยุโรป มากเกินไป เรายังมุมมองธนาคารพาณิชย์ของไทยมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยระบบธนาคารไทยในช่วงสิ้นปี’65 มีสภาพคล่อง (LCR) กว่า 197.3% และอัตราตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) สูงถึง 19.4% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 8.5% อีกทั้ง ธปท. รายงานปริมาณธุรกรรมโดยรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยใน Fintech และ Startup ทั่วโลกมีน้อยกว่า 1% ของเงินกองทุนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดจะได้รับผลกระทบที่จำกัดจะวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ – ยุโรป เรามองเป็นโอกาสในการเข้าสะสมเมื่อปรับตัวลงมาสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ขณะที่สัปดาห์นี้แนะนำติดตามการประชุม กนง. ของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) คาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 1.75% มองเป็นการสะท้อนถึงทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และคาดจะหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่าได้ต่อ (KBANK, BBL, KTB KP SCB) อีกทั้งเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Defensive อาทิ หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) ที่คาดจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาแข็งค่าของค่าเงินบาทในระยะต่อไป รวมทั้งราคาพลังงานที่อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่เมื่อวานนี้ กกต. ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 พ.ค. มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC และ MAKRO) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC และ CK) และกลุ่มสื่อโฆษณา (PLANB และ VGI) อีกทั้งวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ททท. รายงานภาพรวมการท่องเที่ยวไทย 1Q’66 คาดจะออกมา ดีกว่าที่ประเมินไว้ค่อนข้างมาก โดยคาดตลอดทั้งปีอาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกว่า 25-30 ล้านคน มากกว่าที่เราและภาครัฐคาดไว้ก่อนหน้า มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน (AAV, BA, SPA, MINT, CENTEL และ ERW)
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “AAV”
กลยุทธ์ แนวรับ 2.70 / 2.64 Target 2.88 / 3.14 Stop <2.56