KS Daily View 28.03.2023 >>> ติดตามประชุม กนง. แนะเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว SET คาดแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1,585-1,596 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ TTW, CK
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันศุกร์
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.60%, S&P 500 +0.16%, NASDAQ -0.47% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P 500 ได้แก่ Energy (+2.10%), Financial (+1.40%), Industrials (+0.82%), Materials (+0.74%) เป็นต้น Sector ที่ underperform ใน S&P 500 ได้แก่ Communication Services (-1.08%), IT (-0.85%), Real Estate (-0.36%) เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index ปรับตัวขึ้น +1.52 จุด หรือ +0.10% ปิดที่1,593.37 จุด โดยหุ้นที่ปรับขึ้นแรง ได้แก่ SABUY (+5.31%), DOHOME (+4.32%), GLOBAL (+3.26%), SPRC (+1.89%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรง ได้แก่ MEGA (-2.34%), JAS (-1.89%), OSP (-1.57%), BTS (-1.39%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ
เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1600 จุด +- ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากไม่มี Key event สำคัญที่เป็นตัวผลักดันตลาด โดยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกของไทยเดือน ก.พ., การประชุม กนง., ตัวเลขเงินเฟ้อของยุโรป, และตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน เป็นต้น ทั้งนี้ KS ยังประเมินปัจจัยในต่างประเทศจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่าปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐ, การชะลอตัวของเศรษฐกิจและสภาวะการเงินที่ตึงตัว และ ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด เป็นต้น โดยรวมประเมินภาพตลาดหุ้นไทยจะยังแกว่งตัวในช่วง 2Q23 เพื่อรอดูปัจจัยต่างประเทศดังกล่าว ส่วนปัจจัยในประเทศ คาดนักลงทุนต่างชาติจะยังรอดูผลการเลือกตั้ง, การประกาศตัวเลข GDP 1Q23 ของไทยและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งแรกของเดือน พ.ค. ซึ่งตัวเลขภาพรวมดู mixed โดยรวมในเชิงกลยุทธ์ยังแนะนำเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และราคาหุ้นอยู่ในโซนล่าง
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน
1.) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 4.17% ปิดที่US$78.12/bbl หลังรัฐบาลอิรักชนะคดีฟ้องร้องให้รัฐบาลของเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน (KRI) งดส่งออกน้ำมันดิบจำนวน 450K หรือคิดเป็น 0.45% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก ไปยังประเทศตุรกีโดยปราศจากการยินยอมจากรัฐบาลอิรัก ทำให้รัฐบาล KRI ต้องหยุดการขายน้ำมันให้กับทางตุรกีเป็นการชั่วคราว และกลับมาเจรจากับทางอิรัก มองราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มพลังงานต้นน้ำ และโรงกลั่น
2.) ติดตามสภาพภูมิอากาศของโลกที่กำลังเปลี่ยนจากปรากฎการณ์ “ลานีญา” เป็น “เอลนีโญ” ในปี 2566 เป็นต้นไปทำให้ประเทศไทยจะมีสภาพภูมิอากาศที่ร้อน และแห้งแล้งมากขึ้น มองธีมหุ้นที่เกี่ยวข้องดังนี้คือ กลุ่มค้าปลีก และ F&B (CPALL, OSP, CBG, SAPPE) จากความต้องการเครื่องดื่มดับกระหายมากขึ้น กลุ่มน้ำประปา (TTW) จากความต้องการซื้อน้ำประปามากขึ้นจากปริมาณน้ำมันฝน หรือน้ำธรรมชาติที่กักเก็บได้น้อยลง และโรงไฟฟ้าจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงพลังงานคาดว่า ยอดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ของปี 2566 ช่วงหน้าร้อนนี้จะพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปีหรือสูงกว่า 30,936 MW เนื่องจากไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้ แนะนำ
1.) หุ้นที่ราคาพักฐานลงมาแล้ว แต่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุนหรือทิศทางผลประกอบเติบโตต่อเนื่องในปี 2023 แนะนำ CK ราคาพื้นฐาน 33.34 บาท , CPN ราคาพื้นฐาน 79.0 บาท , SNNP ราคาพื้นฐาน 30.3 บาท, AAV ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท
2.) หุ้น Defensive ที่จะช่วยลดความผันผวน/ความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุนรวม แนะนำ กลุ่ม ICT (ADVANC ราคาพื้นฐาน 233.85 บาท และ TRUE ราคาพื้นฐาน 10.32 บาท) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM ราคาพื้นฐาน 64.5 บาท และ GULF ราคาพื้นฐาน 54.50 บาท) และกลุ่มน้ำประปา (TTW ราคาพื้นฐาน 11.90 บาท)
ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวในกรอบ 1585-1596 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ TTW, CK
Top pick
TTW (ราคาพื้นฐาน 11.90 บาท) คาดว่าทาง TTW จะสามารถเจรจาต่อสัญญากับทางภาครัฐสำหรับPTW โดยปรับเป็นสัญญาในรูปแบบใหม่จาก “Build-Operate-Transfer (BOT)” เป็นแบบสัญญาเช่า “Lease contract with some conditions” นอกจากนี้คาดว่ากำไรปี 2023 จะฟื้นตัวจากการปรับราคาขาย และยอดขายที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และภัยแล้งหนุนความต้องการน้ำประปาสูงขึ้น
CK (ราคาพื้นฐาน 33.34 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแล้วกว่า 17% YTD สะท้อนความเสี่ยงจากความล่าช้าในการอนุมัติรถไฟฟ้าสายสีส้มไปแล้ว ขณะที่หากโครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติเราคาดจะสร้าง upsides มากกว่า 50% จาก backlog ปี 66 ที่ = 5.3 เท่า ของปี 62 และสูงสุดเป็นประวัติการณ์, กำไรปกติปี 66/67 = 1.8/7.3 เท่า และ MV/EV ปัจจุบันอยู่ที่ 1.16/1.27 เท่า นอกจากนี้ด้วยโมเมนตัมกำไรที่ดี และรายได้จากบริษัทในเครือที่สูงขึ้น ทำให้คาดว่าหุ้นจะเทรดด้วย holding discount ที่ลดลง
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันอังคาร ติดตาม ถ้อยแถลงของ ECB Enria ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller Home Price ของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. คาด -0.9% MoM ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. คาดที่ 101 จุด (-1.8% MoM) ถ้อยแถลงของ Fed Barr และ ECB Enria
- วันพุธ ติดตาม การประชุม กนง. คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps. เป็น 1.75% ตัวเลข Gfk Consumer confidence ของเยอรมัน เดือน เม.ย. คาด -29 จุด (ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -30.5 จุด) ตัวเลข Pending home sales ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด -3% MoM และปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของไทยเดือน ก.พ. คาด -7.0% YoY และ +2.0% YoY ดุลการค้าของไทยเดือน ก.พ. คาด -US$1,414mn (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ -US$4,650mn) ตัวเลข Industrial production ของไทย เดือน ก.พ. คาด -1.1% YoY ตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมัน เดือน มี.ค. คาด +0.7% MoM และ7.3% YoY (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 8.7% YoY) ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด+196K (จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ +191K) และถ้อยแถลงของ Fed Barkin
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.พ. ของ ธปท. ตัวเลข Industrial production ของญี่ปุ่น เดือน ก.พ. คาด +2.7% MoM ตัวเลข NBS Manufacturing PMI ของจีน เดือน มี.ค. คาด 51.2 จุด (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.6 จุด) ตัวเลข NBS Non Manufacturing PMI ของจีน เดือน มี.ค. คาด 54.9 จุด (จากเดือนก่อนหน้าที่ 56.3 จุด) ตัวเลข Retail sales ของเยอรมัน เดือน ก.พ. คาด+0.5% MoM ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซน เดือน มี.ค. คาด 7.2% YoY (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 8.5% YoY) ตัวเลขCore inflation ของยูโรโซน เดือน มี.ค. คาด 5.7% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ 5.6% YoY) ตัวเลขอัตราการว่างงานในยูโรโซนเดือน ก.พ. คาด 6.7% ตัวเลข Core PCE Price index ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.4% MoM และ+4.7% YoY ตัวเลข PCE Price index ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.5% MoM และ +5.1% YoY ตัวเลข Personal spending ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาด +0.3% MoM (จากเดือนก่อนหน้าที่ +1.8% MoM) ถ้อยแถลงของ Fed William และ Fed Cook