Domestic Play remain Key
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้แข็งแรงกว่าคาด นำโดยกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ที่ปรับตัวขึ้นแกร่งหลังคลายกังวลปัญหาภาคธนาคารในช่วงก่อนหน้า ดัชนีปิดบวก 13.54 จุด และกลับมายืนเหนือ 1,600 จุดได้อีกครั้ง ส่วนมูลค่าการซื้อขายยังไม่หนาแน่นนักที่ 4.5 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นพอสมควร 2 พัน ลบ.และ 1.3 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures อีก 1.75 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,600-1,615 จุด ชะลอความร้อนแรงหลังจากฟื้นตัวได้แข็งแกร่งวานนี้ และรอติดตามปัจจัยสำคัญคือการประชุม กนง.วันนี้โดยเฉพาะการส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการปรับประมาณการเศรษฐกิจ หากออกมาในโทนผ่อนคลาย เราคาดว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกและกลุ่ม Domestic Play คาดยังปรับตัวได้แข็งแรงต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มพลังงานระยะสั้นคาดว่ายังประคองตลาดได้ หลังราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นในช่วงวันที่ผ่านมาจากประเด็น Supply ที่ตึงตัวขึ้น และความกังวลภาคธนาคารที่ลดลง ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนดูผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปว่าจะมีสัญญาณชะลอตัวเร็วมากน้อยเพียงใด กรณีดัชนีมีการพักตัวลงหากรอบ 1,500-1,550 จุด เรายังมองเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่ม ยังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play ได้แก่ ค้าปลีก ท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารเครื่องดื่ม โรงไฟฟ้า ซึ่งได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึง Catalyst บวกระยะสั้นจากการหากเสียงเลือกตั้ง
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL
หุ้นเด่นวันนี้ : SEAFCO
- แนะนำ “ซื้อ” กรอบราคาเป้าหมาย 4.50-5 บาท
- โมเมนตัมกำไร 1Q23 จะฟื้นตัวเด่น q-q และ Y-Y จากทั้งรายได้และ Margin ที่เร่งตัวตามงานในมือ รวมถึงสัดส่วนงานค่าแรงที่มากขึ้น
- ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.5 พันลบ.เติบโตราวเท่าตัวจากปีก่อน Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 พันลบ. และอยู่ระหว่างประมูล 9.4 พันลบ. เบื้องต้นเราคาดปี 2-23 จะพลิกมีกำไรได้ราว 100 ลบ.จากขาดทุนปีก่อน และเตรียมจับมือ Partner รุกตลาดบังคลาเทศ
- แนวรับ 3.50//3.40 บาท แนวต้าน 3.66//3.80 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$250 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$121-196 ล้าน อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นแนวโน้มการไหลเข้าของกระแสเงินทุนในอาเซียนทุกประเทศ นำโดยไทย US$38 ล้าน คาดว่าเป็นผลจากราคา Commodity ที่เริ่มฟื้นตัวระยะสั้น ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ยังแข็งแรง แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าเบาบาง แต่มีโอกาสทยอยไหลเข้าอาเซียนต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ติดตามการประชุมกนง.วันนี้ เราประเมินว่ากนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.75% ให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึงเงินเฟ้อที่ทยอยปรับตัวลงสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ขณะที่ประมาณการเศรษฐกิจต้องจับตาว่าจะคงประมาณการ GDP Growth ปีนี้ที่ +3.7% y-y หรือมีการปรับลง และคาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งใน เดือน พ.ค. สู่ระดับ 2% และเป็นจุดสูงสุดจากเงินเฟ้อไทยที่ไม่กดันเหมือนต่างประเทศ ส่วนตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.พ. ตลาดคาด -6.9% y-y เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -4.5% y-y สะท้อนภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอโดยเฉพาะภาคการผลิต ส่วนนำเข้าคาดเพิ่มขึ้น +2.1% y-y ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่ +5.5% y-y จากราคาพลังงานที่ทยอยปรับลงต่อเนื่อง หากออกมาตามคาดจะทำให้มีผลขาดดุลการค้า US$1.45 พันล้าน ลดลงจากเดือน ม.ค. ที่ขาดดุล US$4.65 พันล้าน ประกอบกับดุลบริการที่คาดว่ายังบวกจากภาคท่องเที่ยว ทำให้มีโอกาสกลับมาพลิกเกินดุลบัญชีเดินสะพัดได้อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันสำหรับการอ่อนค่าของเงินบาท
(+) BA หลังจากเห็นผลการดำเนินงาน 4Q22 ที่ฟื้นตัวแตะระดับ Breakeven เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางกำไรปี 2023 โดยคาดเริ่มได้ผลบวกจากการลดจำนวนเครื่องบินลงจาก 35 ลำเหลือ 26-28 ลำ ซึ่งคาดจะช่วยหนุนให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น ขณะที่ปริมาณผู้โดยสารและ RASK คาดฟื้นตัวต่อเนื่องตามภาคการท่องเที่ยว ระยะสั้นคาดหวังการเร่งตัวของ กำไรใน 1Q23 หลังสมุยกลับเข้า High Season อีกครั้ง เราคาดกำไรปี 2023 ของ BA ที่ 918 ลบ.พลิกจากขาดทุนปีก่อน นอกจากนี้ BA ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจเกี่ยวเนื่องและเงินลงทุนต่างๆ ทั้งธุรกิจ Cargo เงินปันผลรับจาก BDMS รวมถึงการเปลี่ยนจาก SPF เป็น BAREIT ที่ทำให้ต้นทุนคงที่ลดลง ยังคงราคาเป้าหมาย 18 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” (กรรมการอิสระ/ ประธานกรรมการตรวจสอบ/ ประธานคณะกรรมการสรรหา ค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล FINANSIA SYRUS เป็น กรรมการ ของ BA)
(+) ILINK นอกเหนือจากการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า มูลค่า 1.78 พันลบ. ที่เป็นพระเอกในปีนี้ บริษัทชนะงานก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำเพิ่มความสามารถในการจ่ายไฟฟ้าไปยังเกาะสมุยมูลค่า 1.8 พันลบ. จาก กฟภ. ปัจจุบันรอพิจารณาด้านเอกสาร คาดเซ็นสัญญาใน 3-6 เดือนข้างหน้า ดัน Backlog แตะ 4 พันลบ. เราคาดกำไรปี 2023 โตกว่า 20% จากธุรกิจ Distribution จำหน่ายสายไฟฟ้า และงาน EPC คงราคาเป้าหมาย 11.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) ตลาดดาวโจนส์ ลดลงเล็กน้อย 37.83 จุด หรือ -0.12% ปิดที่ 32,394.25 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาแนวทางการควบคุมกฎระเบียบในภาคธนาคารของสหรัฐ
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย โดยนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ ภาคธนาคารจากธนาคารเครดิต สวิส และธนาคาร 2 แห่งของสหรัฐ
(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสม ขณะที่นักลงทุนติดตามราคาหุ้นของ Alibaba หลังจากที่ประกาศปรับโครงสร้าง แบ่งธุรกิจออกเป็น 6 กลุ่ม
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 73.20 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข่าวอิรักระงับการส่งออกน้ำมันบางส่วน จากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 73.77 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.78%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 18.90 ดอลลาร์ หรือ 0.96% ปิดที่ 1,990.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อเล็กน้อยที่ระดับ 1,990.7 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.02%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 927.73 / +3.76