Our View? “แข็งแกร่งจากภายใน”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,600 / 1,590 และแนวต้านที่บริเวณ 1,610 / 1,625 วันนี้เราให้น้ำหนักไปที่การประชุม กนง. ของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) คาดจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 1.75% จากการที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือกรอบเป้าหมายที่ 2.00% (ล่าสุดเดือน ก.พ. อยู่ที่ระดับ 3.8%) รวมทั้งเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดจะยังเป็นเหตุผลหลักให้ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า กนง. มีโอกาสส่งสัญญาณถึงการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในรอบถัดไป จากการที่อัตราเงินเฟ้อของไทยเริ่มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามทิศทางราคาพลังงานที่ลดลง รวมทั้งความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง ทำให้ กนง. น่าจะส่งสัญญาณดังกล่าว แต่คาดว่า กนง. น่าจะมีมุมมองที่ดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปต่อ เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจของไทย และเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยได้ อีกทั้งคาดจะหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเพิ่มเติม กระตุ้นกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าอีกครั้ง และเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL, KTB และ SCB) รวมทั้งเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม Defensive อาทิ หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) ที่คาดจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาแข็งค่าของค่าเงินบาทในระยะต่อไป ขณะที่ประเด็นในการเลือกตั้งของไทยเดือน พ.ค. มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มค้าปลีก พ.ศ. (CPALL, BJC และ MAKRO) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC และ CK) และกลุ่มสื่อโฆษณา (PLANB และ VGI) รวมทั้งเราคาดว่าหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีโอกาสเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing ในช่วงของการปิดไตรมาส 1 สิ้นเดือนนี้ คาดจะหนุนการฟื้นตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ต่อ

สําหรับปัจจัยต่างประเทศ มองยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ที่คาดตลาดจะให้ความสนใจมากนัก โดยยังคงมองตลาดยังอยู่ในภาพการผ่อนคลายความกังวลวิกฤตรนาคารในสหรัฐ-ยุโรป จากการที่ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและค่อนข้างตรงจุด ขณะที่บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เริ่มการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของวิกฤตดังกล่าวแล้ว คาดจะมีการออกมาตรการควบคุมเพิ่มเติมออกมาเร็วๆ ที่เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวซ้ำรอย ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังอยู่ในภาพการอ่อนตัวลงล่าสุด Dollar Index อยู่ที่ระดับ 102.43 รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) ยังฟื้นตัวขึ้น เช้านี้รุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.5696% (+1.51%) สะท้อนตลาดเริ่มขายสินทรัพย์ปลอดภัยกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง (Risk-On) มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และช่วยเพิ่มความน่าสนใจในตลาดภูมิภาครวมทั้งตลาดหุ้นไทย

ในส่วนของการเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมัน ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. ยังคงรีบาวด์ขึ้นได้ ปิดที่ระดับ 73.20 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.39 ดอลลาร์ (+0.54%) คาดยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานอิรักระงับการส่งออกน้ำมันบางส่วนจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการส่งออกของน้ำมันอยู่ที่ราว 4.5 แสนบาร์เรล/วัน หรือราว 0.50% ของอุปทานน้ำมันโลก โดยหากปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อออกไป คาดจะกระตุ้นความกังวลอุปทานน้ำมันดิบในระยะสั้นตึงตัวได้บ้าง หนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหนุนตลาดได้เพิ่มเติม

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “STEC”

กลยุทธ์ ทยอยชื้อสะสม แนวรับ 12.50 / 12.10 Target 13.50 14.80 Stop <12.00

- Advertisement -