หวังกนง.มาตามนัด / 1,595-1,620
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET แกว่งตัว Sideways up: ทางฝ่ายมองน้ำหนักหลักของตลาดในวันนี้อยู่ที่การประชุมกนง. โดยคาดกนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.75% ซึ่งเป็นระดับก่อนโควิด และจากภาพการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโลกที่ใกล้ยุติแล้ว คาดส่งผลให้กนง.ยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ทางฝ่ายคาดผลการประชุมของกนง.จะส่งผล กระทบทางบวกมากกว่าลบ เนื่องจากตลาดได้ price-in การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวไปมากแล้ว และ คาดว่ากนง.จะเผยมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของศก.ไทย โดยคาดว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะเป็นกลุ่มแรกที่ตอบ รับในทางบวกจาก NIM ที่จะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มการเงิน-อสังหาริมทรัพย์ และ Spending คาดตอบรับเชิงบวกเช่นกัน จากการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินที่กำลังจะยุติลง อีกทั้งคาดตลาดได้แรงหนุนจากภาพการฟื้นตัว ของกำลังการบริโภค สะท้อนจากความคึกคักของงานมอเตอร์โชว์ในปีนี้ โดยผู้จัดงานฯเผยช่วงสัปดาห์แรกมีตัวเลข ยอดจองรถยนต์กว่า 13,343 คันคิดเป็นอัตราการเติบโต 32.5% y-y นอกจากนี้แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติคาด กลับมาเป็นแรงหนุนต่อตลาดสะท้อนจากการที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ์ 2 วันติดต่อกัน ด้านราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่วิกฤตในภาคธนาคารยังต้องติดตามต่อไป
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว: AH, BA, BH, CK, CPN, MAKRO, SAT 2) Window Dressing: BEM, CPALL, GPSC, KBANK, KTC, SCGP 3) ลุ้นกนง.ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย: AP, BBL, SAWAD 4) ราคาน้ำมันฟื้น: BCP, PTTEP, STA และ 5) วิกฤต PM2.5: BCH, HMPRO
ปัจจัยบวก
- ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยตลาดอสังหาฯ ในปี 66 มีสัญญาณเชิงบวกจากโครงการใหม่หลายแห่งที่รอเปิดตัวจากความเชื่อมั่นของผู้ซื้อสูงขึ้นการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น และจีนเปิดประเทศ
- Boao Forum for Asia เผยรายงานคาดการณ์ว่า GDP ในภูมิภาคเอเชียปี 66 มีแนวโน้มขยายตัว 4.5% เพิ่มขึ้นจาก 4.2% ในปี 65 และยังคงยืนหยัดในฐานะภูมิภาคที่มีการเติบโตโดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับศก.ในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก
- สหรัฐฯเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 104.2 ในเดือนมี.ค. สวนทางตลาดที่คาดว่าลดลงสู่ระดับ 101.0 จากระดับ 103.4 ในเดือนก.พ.
- Moody Analytics เผยดอกเบี้ยทั่วโลกใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยระบบธนาคารทั่วโลกที่เปราะบางขึ้นแบบฉับพลันกดดันให ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ต้องยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ปัจจัยลบ
- Bain & Company เผยการทําข้อตกลงหุ้นนอกตลาดทั้งหมดในเอเชียแปซิฟิกปรับตัวลง 44% สู่ระดับ 1.98 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ในปี 65 โดยเกือบ 70% ของบริษัทบริหารกองทุนที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าแนวโน้มเชิงลบนี้จะดำเนินไปจนถึงปี 67
- Kantar เผย grocery inflation ของอังกฤษปรับตัวขึ้นอีกครั้ง ในเดือนมี.ค.สู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 17.5% เพิ่มแรงกดดันให้กับผู้บริโภคที่กำลังต่อสู้กับวิกฤตค่าครองชีพสูง
- ฟิลิป เจฟฟอร์สัน หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด เผยเหตุการณ์ที่ผู้ฝากเงินย้ายเงินฝากออกจากธนาคารขนาดเล็กไปยังขนาดใหญ่ ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจขนาดเล็กที่ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาธนาคารขนาดเล็กและระดับภูมิภาคในการอนุมัติสินเชื่อ
PICKS OF THE DAY
KTC BUY
- เป้าหมาย 21.00/21.60 แนวรับ 19.80/20.00
- ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตมากกว่าช่วงก่อนโควิดแล้ว: ในปี 65 KTC มีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 238,257 ล้านบาท สูงกว่าปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปแล้ว
- ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง: จากการเปิดประเทศ การเข้ามาของนักท่องเที่ยว การกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมไปถึงการเลือก ตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดว่าจะทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งการเติบโตของสินเชื่อ รวมไปถึงรายได้ค่าธรรมเนียมด้วย
STA BUY
- เป้าหมาย 23.00/23.70 แนวรับ 21.70/22.00
- ยางขึ้นตามน้ำมัน: ยางเป็นสินค้าทดแทนจากสินค้าที่ได้จากกระบวนการผลิตน้ำมัน ทำให้ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ราคา STR20 Futures ดีดตัวขึ้นตอบรับตามทิศทางราคาน้ำมัน
- ถึงคราว STA ฟื้นตัว: 4Q65 ราคายางร่วงแรง ขณะซื้อวัตถุดิบในต้นทุนที่สูง, ใน 1Q66 ราคายางฟื้นขึ้นกว่า 4Q65 ขณะต้นทุนวัตถุดิบที่สูงได้เริ่มหมดไป มองพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดปี
- PE 7.1 เท่า: PE ยังอยู่ในระดับต่ำหากเทียบ PE ตลาดฯที่ 18.4 เท่า เนื่องจากปีก่อนที่ธุรกิจเป็น Down cycle แต่ปีนี้ราคายางเริ่มมีการฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปี เป็นโอกาสเลือกลงทุนในธุรกิจยางได้ตั้งแต่ต้นเทรน