Daily Focus: Domestic/Reopening Play remain Keys

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด ปิดบวกอีกเล็กน้อย 3.61 จุด ณ สิ้นวัน หนุนโดย DELTA และ PTTEP ที่ปรับตัวขึ้นเด่นกว่าตลาด ส่วนมูลค่าการซื้อขายยังไม่หนาแน่นนักที่ 4.5 หมื่นลบ.เท่ากับวันก่อนหน้า สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 662 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ (แต่ Long Index Futures อีก 5.8 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัวบวกได้ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านหลักของรอบนี้ ที่ 1,620-1,630 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับประเด็นปัญหาภาคธนาคารที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ตลาดยังคาดหวังว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด และมีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยลงในช่วงปลายปี ส่งผลให้เม็ดเงินทยอยกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น ส่วนผลการประชุมกนง.วานนี้ออกมาตามคาด ทั้งการขยับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 1.75% รวมถึงปรับลด GDP ปี 2023 ลงเล็กน้อยเหลือ +3.6% โดยรวมทำให้เรายังมองบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศซึ่งแข็งแรงและมีความเสี่ยงต่ำกว่าฝั่งตะวันตก ปัจจัยที่ต้องติดตามปลายสัปดาห์อยู่ที่เงินเฟ้อยูโรโซนเดือน มี.ค. และเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เดือน ก.พ. หากออกมาสูงกว่าคาด อาจยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งและอาจทำให้ตลาดกลับมา Concern เรื่องอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ด้านกลยุทธ์การลงทุน กรณีดัชนีพักตัวลงหาระดับ 1,550 จุดหรือต่ำกว่า ยังมองเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่ม ยังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play ได้แก่ ค้าปลีก ท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารเครื่องดื่ม โรงไฟฟ้า ซึ่งได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ทยอยฟื้นตัวรวมถึง Catalyst บวกระยะสั้นจากการหากเสียงเลือกตั้ง

กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL

หุ้นเด่นวันนี้ : AU

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 13.80 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 1Q23 จะฟื้นตัวเด่น q-q และ y-y แม้เป็น Low Season แต่คาดได้อานิสงส์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีนที่เริ่มทยอยเข้าไทย และไม่มีโบนัสพิเศษเหมือน 4Q22 คาดกำไรจะเร่งตัวขึ้นชัดใน 2Q23 เป็นต้นไป
  • ธปท.ปรับเพิ่มเป้านักท่องเที่ยวขึ้นเป็น 28 ล้านคน ขณะที่ททท.คาดมีโอกาสลุ้นแตะ 30 ล้าน คน เป็นปัจจัยบวกต่อ AU ด้าน Consensus คาดกำไรปี 2023 เติบโตแรง +42% y-y
  • แนวรับ 10.50 บาท แนวต้าน 11.50-11.70//12.30 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$531 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$336 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินค่อนไปในทิศทางไหลเข้า นำโดยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ประเทศละ US$50-76 ล้าน ส่วนไทยและเวียดนามไหลออกบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้า หลังตลาดคลายกังวลปัญหาภาคธนาคารในช่วงก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง เม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาด สู่ระดับ 1.75% สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวลงเข้าหากรอบเป้าหมายที่ 1-3% ในช่วงกลางปีนี้ ด้านประมาณการเศรษฐกิจปรับลด GDP Growth ปี 2023 ลงเล็กน้อยจาก +3.7% เหลือ +3.6% เครื่องยนต์ที่ถูกปรับลงคือการส่งออกสินค้า การลงทุนภาคเอกชน และการอุปโภคภาครัฐ ส่วนเครื่องยนต์ที่ปรับขึ้นคือการบริโภคภาคเอกชนและจำนวนนักท่องเที่ยว และปรับคาดการณ์เกินดุลบัญชีเดินสะพัดขึ้นเป็น US$4 พันล้าน เราประเมินกนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งใน 2Q23 สู่ระดับ 2% และมีโอกาสเป็นจุดสูงสุด ภาพรวมสอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดหุ้นกลุ่ม Domestic/Reopening Play จะยังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยในประเทศที่แข็งแรง ขณะที่ต่างประเทศเผชิญความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวและเสถียรภาพของระบบการเงิน ยังชอบกลุ่ม ค้าปลีก อาหารเครื่องดื่ม ท่องเที่ยว การแพทย์

(+) เศรษฐกิจไทยแข็งแรงท่ามกลางความไม่แน่นอน ประเด็นปัญหาภาคธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรปสร้างแรงกดดันและความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่เงินเฟ้อทั้ง 2 ภูมิภาคยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายอยู่มาก ส่งผลให้ธนาคารกลางทั้ง ECB และ FED ยังต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย และ Dot Plot ล่าสุดสะท้อนว่า FED อาจยังไม่ลดดอกเบี้ยปีนี้ ซึ่ง Hawkish กว่าที่ตลาดประเมินอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ธนาคารไทยแข็งแรงและมีความเสี่ยงต่ำมากต่อปัจจัยดังกล่าว ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางเร่งตัว โดยเฉพาะการบริโภคและการท่องเที่ยว ทำให้มีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินไหลกลับเข้าหา อย่างไรก็ตาม จากกำไร 4Q22 ที่ต่ำกว่าและนำไปสู่การปรับประมาณการปี 2023 ลง ส่งผลให้ประมาณ EPS ปี 2023 ของเราลดลงเหลือ 101 บาท แต่ยัง +20% y-y เราจึงปรับ SET Target ลงจาก 1,750 จุดเหลือ 1,700 จุด แต่ยังมองจังหวะอ่อนตัวของดัชนียังเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐาน ยังเน้นกลุ่ม Domestic/Reopening/Anti-Commodity Play โดยเลือก Top Pick ได้แก่ AOT, BA*, BDMS, BGRIM, CPN, MAKRO, M and NSL

* กรรมการอิสระ ประธานกรรมการตรวจสอบ/ ประธานคณะกรรมการสรรหา ค่าตอบแทนและบรรษัทภิบาล ของ FINANSIA SYRUS เป็น กรรมการ ของ BA

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 323.35 จุด หรือ +1.00% ปิดที่ 32,717.60 จุด หลังจากบริษัทจดทะเบียนรวมถึงบริษัทไมครอน เทคโนโลยี เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่ดี

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมถึงการเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทอินฟินิออน ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่ Hang Seng index futures ยืนได้ในระดับ 20,359 เปรียบเทียบกับดัชนีที่ปิดเมื่อวานที่ 20,192 หลังปรับตัวขึ้นกว่า 2% จากราคาหุ้นของ Alibaba ที่ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 34.21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลงเล็กน้อย 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 72.97 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงเทขายทำกำไรจากราคาที่ปรับขึ้น 2 วันติดต่อกัน ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 73.02 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.07% ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ เป็นปัจจัยกดดันตลาด ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,978.8 ดอลลาร์/ออนซ์

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 5.90 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 1,984.50

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 929.47 / -0.26

- Advertisement -