Our View? “ช่วงนี้พี่ไทยขอพัก”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,600 / 1,592 และ แนวต้านที่บริเวณ 1,610 / 1,615 คาดตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศหลังจากที่เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 1.98 แสนราย มากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 1.96 แสนราย แม้ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 2.00 แสนรายแต่เป็นสัญญาณถึงตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้วเล็กน้อย อีกทั้งการรายงานตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของ GDP 4Q’66 ของ สหรัฐออกมาอยู่ที่ระดับ 2.6% ต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้า คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะเริ่มการคงอัตราดอกเบี้ยและอาจปรับลดลงได้ตั้งแต่ช่วง 3Q′66 เป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อในภาพระยะกลาง อย่างไรก็ดี วันนี้แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.พ. ของสหรัฐ คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ 5.10% YoY และ 0.30% MoM แม้ยังอยู่ในระดับสูงแต่เริ่มชะลอตัวลงอีกครั้ง หากออกมาตามที่ตลาดคาดมองจะเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคา สินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติม
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. ยังพยายามฟื้นตัวขึ้นปิดที่ระดับ 74.37 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.40 ดอลลาร์ (+1.92%) ตามการรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรายสัปดาห์ออกมาลดลง 7.4 ล้านบาร์เรลลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี สะท้อนอุปสงค์น้ำมันดิบในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง คาดจะกระตุ้นทิศทางราคาพลังงาน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เรามองการรีบาวด์ของราคาน้ำมันเริ่มมี Upside ที่จำกัด โดยแนะน่าติดตามการประชุม OPEC+ ในวันที่ 3 เม.ย. นี้ คาดกลุ่ม OPEC+ จะยังมีมติรักษานโยบายการผลิตน้ำมันด้วยการปรับลดกำาลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปี’66 แม้เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนในระยะนี้ คาดเป็นปัจจัยหลักกดดัน จํากัด Upside ราคาพลังงานได้อยู่
สําหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงมุมมองเป็นกลางต่อการที่ กนง. มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 1.75% ตามที่เราและตลาดคาดไว้ โดยยังมองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกเริ่มฟื้นตัวและคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ดีในช่วง 2H66 สําหรับอัตราเงินเฟ้อคาดจะสามารถปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ แต่ปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูง สอดคล้องกับที่เราคาดไว้ แต่ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี’66 และ 67 ลงบ้างเล็กน้อยสู่ระดับ 3.6% และ 3.8% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 3.7% และ 3.9% ตามลำดับ จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่ประเด็นในการเลือกตั้งของไทยเดือน พ.ค. ที่มีความชัดเจนขึ้นต่อเนื่อง และเราคาดว่าการหาเสียงในช่วงเดือน เม.ย. จะเป็นสีสัน ให้เศรษฐกิจไทยได้ มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC และ MAKRO) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC และ CK) และกลุ่มสื่อโฆษณา (PLANB และ VGI) รวมทั้งการออกมาทยอย ปรับเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยขึ้นสู่ระดับ 25-30 ล้านรายภายในสิ้นปี’66 ของหลายๆ หน่วยงาน คาดจะ หนุนหุ้นในกลุ่มสายการบิน (AAV และ BA) ฟื้นตัวขึ้นได้ ขณะที่สัปดาห์หน้าแนะนำติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของไทยเดือน มี.ค. คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ 3.50% YoY เป็นการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อต่อเนื่อง
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะน่าวันนี้ “AAV”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 2.82 / 2.76 Target 3.04 / 3.32 Stop <2.60