บล.กรุงศรีฯ: 

BANKING SECTOR – หวังผลประกอบการแข็งแกร่งช่วยฟื้นความเชื่อมั่น (POSITIVE)

พอร์ตสินเชื่อของธนาคารเริ่มมีโมเมนตัมเชิงบวกในเดือนกุมภาพันธ์และคาดว่าน่าจะดีขึ้นแบบชัดเจนมากขึ้นจากเดือนมีนาคมเป็นต้นไป ในขณะเดียวกัน เราประเมินผลประกอบการใน 1Q23 น่าจะออกมาแข็งแกร่งทั้ง qoq และ yoy เนื่องจาก NIM เพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหลายครั้ง เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคารที่ OVERWEIGHT โดยเลือก SCB (ราคาเป้าหมาย 160 บาท) และ BBL (ราคาเป้าหมาย 180 บาท) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

พอร์ตสินเชื่อเริ่มดีขึ้นหลังจากที่เริ่มต้นปีค่อนข้างช้า

พอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคารหลักขยายตัว +0.6% mom ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 แต่ยังหดตัวลง -0.5% ytd โดยโมเมนตัมการเติบโตของสินเชื่อเริ่มดีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่เริ่มต้นปีค่อนข้างช้า เนื่องจากในเดือนมกราคมมีผลจากปัจจัยฤดูกาลตามการชำระคืนสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งนี้หากพิจารณารายแบงก์ สินเชื่อของ BBL ขยายตัวดีสุดในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเพิ่มขึ้น 2.1% mom รองลงมาคือ KKP ที่เพิ่มขึ้น 1.3% mom ส่วนของเงินฝากก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน คือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% mom ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังลดลง 0.3% ytd อย่างไรก็ดีเราคาดว่าสินเชื่อน่าจะมีการขยายเร่งแบบชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป

 

คาดว่ากำไรจะเติบโตแข็งแกร่งตามการขึ้นดอกเบี้ย M-rate

เรามองว่ากำไรของกลุ่มธนาคารน่าจะเติบโตได้แข็งแกร่งทั้ง qoq และ yoy ใน 1Q23 โดยคาดกำไรรวมของทั้งกลุ่มจะอยู่ที่ 5.07 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% qoq และ 20% yoy โดยกำไรที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งทั้ง qoq และ yoy มาจาก NIM ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10bps qoq และ 50bps yoy หลังการขึ้นดอกเบี้ย M-rate ตามธปท. ที่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกันในการประชุมห้าครั้งที่ผ่านมา กอปรกับสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนการส่งเงินเข้ากองทุน FIDF โดย ธปท. เริ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจากระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 จนมาอยู่ที่ 1.75% ล่าสุดในเดือนมีนาคม 2023 ถึงแม้ว่าธนาคารต่าง ๆ จะต้องจ่ายเงินสมทบกองทุน FIDF ในอัตราที่สูงขึ้นจาก 0.23% ของเงินฝากเป็น 0.46% แต่ดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ในขณะเดียวกัน MLR เฉลี่ยของธนาคารขนาดใหญ่ได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจาก 5.63% เป็น 6.63% หรือเพิ่มขึ้น 100bps ในช่วงเดียวกัน

 

ผลประกอบการรอบนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาด

ถึงแม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะดูท้าทายและภาวะตลาดยังค่อนข้างมีความกลัวอยู่สูงจากปัญหาของระบบธนาคารในสหรัฐและยุโรป แต่เรายังคงมุมมองระบบธนาคารของไทยจะได้รับผลกระทบจำกัด เพราะ profile ของสภาพคล่องเหนือกว่า และธนาคารมีเงินกองทุนในระดับสูง เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคารที่ OVERWEIGHT โดยเลือก SCB (ราคาเป้าหมาย 160 บาท) และ BBL (ราคาเป้าหมาย 180 บาท) เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้  เราคาดว่ากำไรของ SCB จะเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มในปี FY23 อีกทั้งราคาหุ้นยังมี upside อย่างมีนัยสำคัญ โดยทีให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่อีกด้วย ในขณะเดียวกัน เรามองว่าพอร์ตสินเชื่อของ BBL มี profile ลูกค้าดีกว่าคู่แข่ง ซึ่งจะทำให้ NIM ของ BBL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องกังวลกับประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะวิ่งขึ้นได้อย่างมั่นคงก็ต่อเมื่อผลประกอบการ 1Q23 แสดงให้เห็นว่าสินเชื่อขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง และ NIM เพิ่มขึ้นได้ดีตามคาด

- Advertisement -