RT ทิศทาง Q1/66 เร่งดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่อง มุ่งขยายงานอุโมงค์ดินอ่อน เตรียมรับงานสร้างเขื่อนเติมพอร์ตต่อเนื่อง
RT เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 1/2566 แนวโน้มดี เร่งดำเนินงานก่อสร้างคืบหน้าต่อเนื่อง มุ่งขยายศักยภาพงานอุโมงค์ดินอ่อน เตรียมส่งมอบงาน หนุน Backlog 10,358 ล้านบาท พร้อมรับงานก่อสร้างในประเทศประเภทเขื่อนและระบบชลประทาน และโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง สปป.ลาว ดันสัดส่วนงานต่างประเทศ 5-6%
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาส 1/2566 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานก่อสร้าง โดยสามารถบริหารโครงการในมือให้คืบหน้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานก่อสร้างอุโมงค์ในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนน จิระ สัญญาที่ 3 จ.สระบุรี-จ.นครราชสีมา ความคืบหน้า 99.15%, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่ ความคืบหน้า 98.58%, งานก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก กรมชลประทาน จ.เลย ความคืบหน้า 81.19% และ โครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ความคืบหน้า 93.21%
นอกจากนี้บริษัทดำเนินงานก่อสร้างอุโมงค์ในดินอ่อน ได้แก่ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์จากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ถึง ถ.ราชพฤกษ์ ความคืบหน้า 16.46% และ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองทวีวัฒนา บริเวณคอขวด ความคืบหน้า 12.32% โดยงานดังกล่าวเป็นการขยายศักยภาพการก่อสร้างในประเภทงานอุโมงค์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักบนพื้นที่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ทั้งนี้ งานดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 10,358 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทเตรียมส่งมอบงานโครงการก่อสร้าง จำนวน 5 งาน ได้แก่ ก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 (อุโมงค์ 1) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย, โครงการ Slope Protection ของกรมทางหลวงจำนวน 3โครงการ และ งานเสริมเสถียรภาพของลาดดินและป้องกันการเคลื่อนตัวของแนวท่อ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ
“จากแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งปัจจัยที่ส่งผลกระทบด้านต้นทุนและแรงงานเริ่มเบาบางลง จึงถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีในการก่อสร้างเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเข้ารับงานก่อสร้างในประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานประเภทก่อสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน ขณะเดียวกันบริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตด้วยการเพิ่มสัดส่วนงานต่างประเทศในระดับ 5-6% ได้แก่ งานก่อสร้างงานโยธาสำหรับโครงสร้างถาวร โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มูลค่า 1,615 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป” นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติม
ด้านผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 2,053 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,492 ล้านบาท และ ขาดทุนสุทธิ 312 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากงานก่อสร้างที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มคลี่คลายในช่วงปี 2566