เทรดแบบเหงาๆ กำไรแบบเงียบๆ / 1,600-1,615
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- ทางฝ่ายมีมุมมองบวก แต่วอลุ่มเบาบาง: จากตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐที่ปรับบวก หลังนักลงทุนมองว่าเฟดจะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย โดย Fed Watchtool เริ่มให้น้ำหนักการคงอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าการขึ้นดอกเบี้ย 25 bps จากดัชนี PCE ที่ออกมาเมื่อคืนวันศุกร์ลดต่ำกว่าคาดในเดือน ก.พ.สู่ 5%y-y เช่นเดียวกับ Core PCE ก.พ. ที่ต่ำกว่าคาดสู่ 4.6% ขณะที่น้ำมัน WTI บวกกว่า 6.8% ยืน 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังโอเปกพลัสลดกำลังผลิตลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทางฝ่ายคาดจะเป็นแรงหนุนต่อกลุ่มพลังงานในเช้านี้ ส่วนในประเทศมองยังได้แรงหนุนจากการเมืองที่ชัดเจน โดยวันนี้ กกต.จะเริ่มเปิดรับสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งทางฝ่ายมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Spending นอกเหนือไปจากมอเตอร์โชว์ที่พึ่งสิ้นสุดไป ด้านกลุ่มท่องเที่ยวและขนส่ง มองได้แรงหนุนจากใกล้ช่วงหยุดสงกรานต์ปีแรกหลังจบโควิด ทำให้มอง Traffic ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปจะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบยังพอมีบ้าง ทั้ง 1) ทางฝ่ายกังวลต่อ Market Cap.หุ้น DELTA ที่สูงขึ้น จากราคาในวันศุกร์ที่บวกแรง หากถูกขายรุนแรงอาจกระทบดัชนี SET ได้ และ 2) ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ตึงเครียดมากขึ้น หลังรัสเซียจับกุมนักข่าว WSJ ส่วนวันนี้ถึงวันพุธ จีนจะปิดทำการ, วันพฤหัสบดี SET ปิด และวันศุกร์ สหรัฐและตะวันตกจะปิดทำการ รวมถึงสัปดาห์หน้าไทยจะหยุดยาว ทำให้ทางฝ่ายมองวอลุ่มจะเบาบางลงตลอดทั้งสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า ทำให้ตลาดอาจเผชิญความผันผวนได้ง่าย
- กลยุทธ์ลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว: AAV, ADVANC, AWC, BEM, CENTEL, LH, KTC, SNNP, IMPACT 2) อากาศร้อน+วิกฤต PM2.5: BCH, HMPRO และ 3) พลังงาน: BGRIM,GPSC, GULF, PTG, PTT, PTTEP, SPRC
ปัจจัยบวก
- ยูโรโซนเผย CPI เดือน มี.ค. ปรับลดต่ำกว่าคาด 7.1% สู่ 6.9% รวมทั้งต่ำกว่าเดือนที่แล้วที่ 8.5% จากราคา พลังงานที่ลดลง ช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
- Fitch Rating คาดฐานะสภาพคล่องของธนาคารไทยจะยังมีเสถียรภาพ จากแหล่งระดมเงินฝากเน้นในประเทศ เป็นหลัก อีกทั้งอัตราส่วนปริมาณสินทรัพย์สภาพคล่อง ทั้งหมดต่อกระแสเงินไหลออก (Liquidity Coverage Ratio) ณ สิ้นปี 65 สูงถึง 192%
- 5 เม.ย. นี้ กกพ.จะประกาศผู้ชนะประมูลไฟฟ้าพลังงานทดแทน 5,203 MW ซึ่งคาดเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน โดยแบ่งเป็นก๊าซชีวภาพ 335 MW, พลังงานลม 1,500 MW แสงอาทิตย์กักเก็บ 1,000 MW และแสงอาทิตย์ 2,368 MW
ปัจจัยลบ
- รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวในงาน Boao Forum ว่าเตรียมเพิ่มการกำกับดูแลเศรษฐกิจด้านดิจิทัล โดยเมื่อปี 2563 ทางการจีนพึ่งจะเพิ่มข้อจำกัดและระเบียบในธุรกิจแพลตฟอร์มการเงินออนไลน์
- นางเจเน็ต เยลเลน รมต.คลังสหรัฐสนับสนุนให้เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลธุรกิจการเงินที่ไม่ได้จดทะเบียน เป็นธนาคาร (Shadow Bank) โดยอาจครอบคลุมถึงการเพิ่มการถือครองสินทรัพย์สภาพคล่อง, Stress Test เพื่อป้องกันปัญหาเช่นเดียวกับกรณี SVB
- World Bank หั่นคาดการณ์ GDP ไทยปี 66 จาก 4.1% สู่ 3.6% โดยมองปัจจัยเสี่ยงจากการไม่ปรับปรุงภาคบริการการเคลื่อนย้ายเงินทุนและแรงงาน
PICKS OF THE DAY
AAV BUY
- เป้าหมาย 2.94/3.02 แนวรับ 2.72 / 2.78
- ท่องเที่ยวสงกรานต์: เม.ย. เป็นช่วงหยุดยาวสงกรานต์ คนไทยท่องเที่ยวและกลับต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงเดินทางไปต่างประเทศ อีกทั้ง นทท. ต่างชาติเข้ามาในช่วงดังกล่าวมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนน่าจะเดินทางเข้ามามากขึ้นจากจีนเปิดประเทศ
- มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศสูงสุด: AAV มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศมากสุด 34% และเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเครื่องบินมากสุดที่ 53 ลำ ทำให้สามารถเพิ่ม Capacity ได้เร็ว ตามDemand ที่สูงขึ้น โดย เม.ย. ผู้โดย สารเดินมาก ทำให้ load factor ยังสูงต่อเนื่อง และเที่ยวบินจีนจะเพิ่มขึ้นจาก 40 เที่ยว/สัปดาห์ใน 1Q66 เป็น 100 เที่ยวบินใน 2Q66 การดำเนินงานยังฟื้นต่อเนื่อง
ADVANC BUY
- เป้าหมาย 220.00 / 225.00 แนวรับ 207.00 / 210.00
- จับมือกับ UOB: รับโปร UOB Best Buy จ่ายเดือนละ 850 บาทต่อเดือน รับ iPhone 14 ซึ่งสามารถขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทุก 24 เดือน ซึ่งคาดการตอบรับจะดี จากการสามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทุก 2 ปี ซึ่งตรงกับ Cycle การเปลี่ยนเครื่องใหม่ของลูกค้าทั่วไป ขณะเดียวกันโปรนี้ยังใช้ร่วมกับแพ็กเกจเริ่มต้น 699 ขึ้นไป ซึ่งสูงกว่า ARPU รายเดือนที่ 455 บาทต่อเดือนต่อเลขหมาย คาดจะช่วยประคอง ARPU ในสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
- คาดราคาปรับบวกก่อนทราบผลดีล TTTBB: ทางฝ่ายคาดว่า การพิจารณาของ กสทช. เรื่องการควบรวม TTTBB จะผ่านไปด้วยดี ซึ่งราคาหุ้นอาจมีการตอบรับก่อนทราบผล จึงเป็นจังหวะในการเข้าเก็งกำไร