บล.บัวหลวง:
Thai Union Group (TU TB/TU.BK)
TU – ความคาดหวังต่อไตรมาส 1/66 ที่ลดลงส่งผลให้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงจากเดิม
ถึงแม้ว่ากําไรสุทธิไตรมาส 1/66 มีแนวโน้มแย่ลง และส่งผลให้เราทําการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 และราคาเป้าหมายลงจากเดิม แต่เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TU จากวอลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เนื่องจากสต็อกสินค้าของลูกค้าที่เริ่มลดลงและเริ่มเห็นคำสั่งซื้อใหม่ที่เข้ามา
ส่องกล้องไตรมาส 1/66 – กำไรหลักลดลงแรง YoY และ QoQ
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 820 ล้านบาท ลดลง 53% YoY และ 34% QoQ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับมูลค่ายุติธรรมของหุ้นบุริมสิทธิ์ของเรด ล็อบเตอร์ (RL) กำไรหลักใน ไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.05 พันล้านบาท ลดลง 39% YoY และ 48% QoQ ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญที่ 1.9 พันล้านบาท หลังประกาศงบไตรมาส 4/65 โดยความคาดหวังต่อกำไรไตรมาส 1/66 ที่ลดลงเนื่องจากยอดขายที่ต่ำกว่าคาด (เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถ้าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้วอลุ่มขายหดตัวลง และดีมานด์จากลูกค้าที่ชะลอตัวลงเนื่องจากระดับสต๊อกสินค้าของลูกค้าที่ยังคง อยู่ในระดับสูง) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด (เนื่องจากความล่าช้าระหว่างการปรับเพิ่มราคาขายและต้นทุนปลาทูน่าที่ปรับเพิ่มขึ้นเร็วในไตรมาส 1/66) กำไรหลักในไตรมาส 1/66 ที่คาดว่าจะปรับตัวลงแรง YoY เป็นผลมา จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด และรายการเครดิตภาษีที่ลดลง ซึ่งกลบการพลิกกลับไปเป็นส่วนแบ่งกําไร YoY จากเรด ล็อบสเตอร์
ยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มลดลง YoY ในไตรมาส 1/66
เราคาดยอดขายไตรมาส 1/66 ที่ 3.37 หมื่นล้านบาท ลดลง 7% YoY (เนื่องจากดีมานด์ของลูกค้าที่ชะลอตัวลงจากการกักตุนสินค้าคงคลังของลูกค้าจํานวนมากในช่วงครึ่งหลังปี 2566) และ 15% QoQ (เนื่องจากต้นทุนราคาปลาทูน่าดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็ว ส่งผลให้ดีมานด์ชะลอตัวลง รวมถึงค่าเงินบาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น) เราคาดยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปที่ 1.58 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY (จากราคาขายที่เพิ่มขึ้นกลบวอลุ่มขายที่ลดลง) แต่ลดลง 8% QoQ (จากวอลุ่มขายที่ลดลง) และยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่ 1.17 หมื่นล้านบาท ลดลง 15% YoY และ 19% QoQ (จากทั้งราคาขายและวอลุ่มขายที่ลดลง) ยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงคาดว่าจะอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท ลดลง 15% YoY และ 325 QoQ (จากวอลุ่มขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ) แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ยอดขายสินค้ามูลค่าเพิ่มยังคงแข็งแกร่ง ลดลงเพียงแค่ 1% YoY และ 2% QoQ
อัตราค่าไรขั้นต้นเฉลี่ยมีแนวโน้มลดลงจาก 17.5% ในไตรมาส 1/65 เหลือ 15.5% ในไตรมาส 1/66 เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปมีแนวโน้มลดลงจาก 21.8% ในไตรมาส 1/65 เหลือ 18.5% ในไตรมาส 1/66 (จากต้นทุนปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้น) ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งมีแนวโน้มลดลงจาก 9.3% ในไตรมาส 1/65 เหลือ 8.5%
ในไตรมาส 1/66 ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (ที่ไม่รวมธุรกิจสินค้ามูลค่าเพิ่ม) มีแนวโน้มลดลงจาก 24.3% ในไตรมาส 1/65 เหลือ 19% ในไตรมาส 1/66 (จากต้นทุนปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้นและวอลุ่มขายที่ลดลงจากการที่บริษัทหันไปเน้นสินค้าที่ให้มาร์จิ้นในระดับสูง) เราคาดธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์มีแนวโน้มรายงานส่วนแบ่งกำไร (ที่ไม่รวมการปรับมาตรฐานบัญชีเรื่องสัญญาเช่า) ที่ 100 ล้านบาท หรือพลิกกลับเป็นกำาไร YoY จากส่วนแบ่งขาดทุน 243 ล้านบาทในไตรมาส 1/65
ความคาดหวังต่อกำไรไตรมาส 1/66 ที่ลดลง ส่งผลให้เราทำการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงจากเดิม
บริษัทได้ทำการปรับลดเป้าปี 2566 สําหรับอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 5-6% (อิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) เหลือ 3-4% (อิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ดีมานด์ที่ชะลอตัวลง และราคาปลาทูน่าที่ยืนในระดับสูงในไตรมาส 1/66) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลดลงจาก 18-18.5% เหลือ 17.5-18% ดังนั้น เราจึงทำการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลงอีก 24% (เหลือ 5.59 พันล้านบาท) และกำไรหลักลงอีก 19% (เหลือ 6.22 พันล้านบาท) เพื่อสะท้อนอัตราการเติบโตของยอดขายที่ปรับลดลง (จาก 5% เหลือ 3%) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลดลง (จาก 17.7% เหลือ 16.9%) ราคาเป้าหมายซึ่งประเมินด้วยวิธี sum-of-its-parts ของเราปรับลดลงอีก 18% (เหลือ 18.40 บาท) ทั้งนี้ ถึงแม้ว่ากําไรไตรมาส 1/66 มีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางลบอย่างมากจากสินค้าคงคลังของลูกค้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูง แต่เราคาดว่าคําสั่งซื้อจะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ QoQ โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/66 และครึ่งหลังของปี 2566 ซึ่งจะนำไปสู่กำไรที่จะกลับมาเติบโต QoQ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/66 ไปแล้ว
TU – ประเด็นสำคัญจาก conference call
What’s new?
เราเข้าร่วมประชุม conference call ของ TU สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 1Q23 ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมาและมีมุมมองเป็นลบต่อแนวโน้มกำไร 1Q23 ที่คาดว่าจะออกมาแย่กว่าที่คาดก่อนหน้า ส่งผลให้เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรทั้งปี 2023 อีกครั้งหนึ่ง (ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงจากประมาณการเดิม)
Highlights:
- ผู้บริหารปรับเป้ายอดขายสำหรับทั้งปี 2023 ลงจาก 5-6% เหลือเพียงแค่ 3-4% จากเหตุผลของยอดขาย 1Q23 ที่ต่ำกว่าคาดและราคาปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอด ออเดอร์และดีมานด์ชะลอตัวลง
- ผู้บริหารปรับเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (GM) สำหรับทั้งปี 2023 ลงจาก 18-18.5% เหลือ 17.5-18% เนื่องจาก GM ของ 1Q23 ที่ต่ำมากผิดปกติ
- ยอดขายและ GM ใน 1Q23 มีแนวโน้มลดลง YoY ในแต่ละทุกธุรกิจ (อาหารทะเล แปรรูป อาหารทะเลแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยง)
- เรด ล็อบสเตอร์ (RL) มีแนวโน้มพลิกกลับไปเป็นกำไรใน 1Q23 จากผลประกอบการที่ดีขึ้นและช่วงไฮซีซั่น
- ราคาปลาทูน่าและราคากุ้งคาดว่าจะยังคงยืนในระดับสูงในช่วง 1H23 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงใน 2H23 ในส่วนราคาปลาแซลมอนคาดว่าจะปรับตัวลดลงตั้งแต่ 2Q23 เป็นต้นไป
- ยอดขายรวมใน 1Q23 ทึ่คาดว่าจะลดลง YoY ในทุกธุรกิจเนื่องจากการสต็อกสินค้าของลูกค้าตั้งแต่ไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ GM ที่ลดลง YoY หลักๆ มาจากต้นทุน ปลาทูน่าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งกระทบการปรับราคาขายและต้นทุนของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
- บริษัทเห็นออเดอร์ลูกค้าเริ่มกลับเข้ามาอย่างชัดเจนตั้งแต่ 2Q23 รวมถึงคาดว่า GM มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q23 เป็นต้นไป
View From Fundamental:
เราคาดว่ายอดขายใน 1Q23 มีแนวโน้มลดลงแรงในช่วง 6-8% YoY ในขณะที่ GM มีแนวโน้มลดลงแรงเหลือเพียงแค่ 15.5-16% (เทียบกับ 17.5% ใน 1Q22 และ 17.3% ใน 4Q22) ซึ่งจะถูกกดดันจาก GM ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ปรับตัวลงแรง (ลดลงไปต่ำกว่า 20% เทียบกับ 24.3% ใน 1Q22 และ 23.3% ใน 4Q22) และ GM ธุรกิจอาหารทะเล แปรรูปที่ลดลงเหลือ 18% (จาก 21.8% ใน 1Q22 และ 21.2% ใน 4Q22) เราคาดส่วนแบ่งกำไรจาก RL มีแนวโน้มอยู่ที่ 100 ล้านบาทใน 1Q23 (เทียบกับ -243 ล้านบาทใน 1Q22 และ -344 ล้านบาทใน 4Q22) โดยภาพรวมเราคาดว่ากำไรสุทธิ 1Q23 มีแนวโน้มอยู่ในช่วง 700-800 ล้านบาท (ลดลง 54-60% YoY) เราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 และราคาเป้าหมายของ TU แม้ว่าจะปรับกำไรสุทธิปี 2023 และราคาเป้าหมายลงจากเดิม แต่เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากแนวโน้มของ ออเดอร์ ยอดขายและ GM ที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง QoQ ตั้งแต่ 2Q23 เป็นต้นไป