เพิ่มกลุ่มพลังงานที่มีธุรกิจโรงกลั่นในพอร์ต เป็นธีมลงทุนน้องใหม่ของเรา รับ OPEC+ Era
แม้ว่าเราจะมองการลดกำลังการผลิตของ OPEC+ ลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นการลดเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันดิบต่ำเกินไปมากกว่าที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบทำ New High เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงที่ราคาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ทว่าถือเป็นเสมือนเกราะป้องกันไม่ให้ราคาร่วงลงต่ำเกินไปในยามที่เศรษฐกิจเริ่มจะกระเตื้องแบบมีความไม่แน่นอนเป็นพักๆ โดยบรรยากาศเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในช่วงนี้เสริมอุปสงค์ ส่งผลให้ค่า GRM สูงขึ้น เราจึงมองว่าหุ้นที่มีธุรกิจโรงกลั่นในพอร์ตน่าสนใจในปีนี้ และเลือกเป็นรีมลงทุนน้องใหม่ของเรา
World Market Theme to Today’s SET
Today’s LIB Highlight World Drivers for Today
- ในวันนี้ เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับผลกระทบเชิงบวกจากบรรยากาศนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในบ้านเราแบบคึกคักขึ้นเรื่อยๆ และบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ของไทย แม้จะมีความกังวลต่อตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีอยู่เล็กน้อยก็ตาม โดย OPEC+ ที่ประกาศลดกำลังการผลิต 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ยังน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่เล็กน้อยในวันนี้
- ทางด้านยุโรป เรามองว่าสถานการณ์แบงก์ยุโรปน่าจะดูดีขึ้นเป็นลำดับต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ทว่าก็ยังต้องจับตาไปที่ดอยช์แบงก์และคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมันต่อไป
- ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นในวันนี้น่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากผลของตัวเลขจ้างงานสหรัฐจนก่อให้เกิดความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐว่ามีโอกาสเกิด Recession สูงขึ้น
Thailand Drivers on Today
- บรรยากาศนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในบ้านเราแบบคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ในหลายแหล่งท่องเที่ยว น่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ
- นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีความกังวลต่อตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีอยู่เล็กน้อยในวันนี้ ทว่าน่าจะยังได้รับผลกระทบเชิงบวกจาก OPEC+ ที่ประกาศลดกำลังการผลิต 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งยังน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่เล็กน้อยในวันนี้
ภาพแสดงอัตรากานเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันดิบ Brent เฉลี่ยแบบ 5 วัน ระหว่างเดือนมกราคม 2022 ถึง เดือนเมษายน 2023
ที่มา : Bloomberg
เหตุการณ์ที่ถือว่ามีความสำคัญต่อวงการพลังงานรวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานในบ้านเรา ได้แก่ การลดกำลังการผลิตของ OPEC+ ลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยแบ่งเป็นซาอุดิอาระเบียและรัสเซียที่ลดกำลังการผลิตประเทศละประมาณ 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลก WTI ขึ้นไปแตะ 82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8 จากวันก่อนหน้า โดยแม้ว่าถือเป็นการเพิ่มขึ้นในแบบที่ค่อนข้างมาก ทว่าจากรูป หากพิจารณานับตั้งแต่ปี 2022 จะพบว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะมีอุปสงค์เพิ่มเติมมาจากจีนที่ทางการเริ่มจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจแบบเต็มตัว โดยคาดว่าในส่วนของอุปสงค์ของจีนน่าจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบโลกประมาณ 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงนับจากไตรมาสที่หนึ่งไปสู่ไตรมาสที่สี่ของปีนี้ จากการคาดการณ์ของ International Energy Agency โดยนับเป็นการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์นํ้ามันดิบของจีนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010
ภาพแสดงความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันดิบ พร้อมกับการคาดการณ์ก่อนและหลัง OPEC+ Cut เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ที่มา : Longview Economics
โดยจากการคาดการณ์ของทาง LongView Economics จะพบว่าการลดกำลังการผลิตในครั้งนี้ได้ทำให้ปริมาณ Surplus ของตลาดน้ำมันได้ลดต่ำลงมาเป็นอันมาก จนสามารถจะกลับมาอยู่ในสภาวะสมดุลในประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้ ดังรูป
อย่างไรก็ดี น่าสังเกตว่าการลดกำลังการผลิตของ OPEC+ ลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถือเป็นการลดเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันดิบต่ำเกินไปมากกว่าที่จะพยายามทำให้ราคาน้ำมันดิบทำ New High เนื่องจากการลดกำลังการผลิตแบบคาดไม่ถึงนี้ได้เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ทว่าสิ่งนี้ถือเป็นเสมือนเกราะป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันร่วงลงต่ำเกินไปในอนาคตเช่นกัน
ภาพแสดงการใช้น้ำมันสำเร็จรูปประเภทต่างๆรายไตรมาส ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงคาดการณ์ปี 2023
ที่มา : Thai Oil
โดยจากการที่เศรษฐกิจไทยมีภาวะการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป 3 ประเภทหลัก มีอุปสงค์ที่กระเตื้องขึ้นเป็นอย่างมากและอุปทานที่ลดลงในปี 2023 ดังนี้
- น้ำมันเบนซิน (Gasoline) คาดว่าอัตราการเติบโตของน้ำมันกลุ่มนี้ในปี 2023 จะเติบโตร้อย ละ 6.1 โดยเติบโตตามการเติบโตของปริมาณการใช้รถยนต์ตามท้องถนนที่เติบโตร้อยละ 13.7 นอกจากนี้ การส่งออกของน้ำมันประเภทนี้จากจีนยังลดลงอีกด้วยในปีนี้
- นํ้ามันอากาศยาน (Jet/Kero) คาดว่าอัตราการเติบโตของน้ำมันอากาศยานในปี 2023 จะเท่ากับร้อยละ 51.9 จากจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 124 และจำนวนเที่ยวบินทั้งหมดของไทยจะมาอยู่ที่ราวร้อยละ 60-70 ของช่วงก่อนโควิด
- น้ำมันดีเซล (Gas Oil) คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 1.2 ในปี 2023 จากจำนวนรถยนต์เชิงพาณิชย์ทั้งหมดที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 2.4 ในปีนี้ ผนวกกับอุปทานจากรัสเซียที่ลดลง
ภาพแสดงค่าการกลั่น Gross Refinery Margin (GRM) ของสิงคโปร์รายไตรมาส ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ที่มา : Thai Oil
Stocks of the Day
PTTEP (TP 200) แนวรับ: 160 แนวต้าน: 161.5 | ได้ราคาน้ามันดิบสูงข้ึนหนุน มูลค่ารายได้ของ ยอดขายน้ามันดิบให้กับบริษัท |
AOT (TP 84) แนวรับ:71.5 แนวต้าน:72.25 | จานวนผู้ใช้สนามบินมีมากข้ึน หนุนรายได้บริษัท ให้เติบโต |
CENTEL (TP 60) แนวรับ: 55.75 แนวต้าน: 56.5 | เศรษฐกิจไทยดีก่อนเลือกตัง้ ส่งผลให้โรงแรมดี และธุรกิจอาหารเด่นในช่วงน้ี |
Viewpoint on SET Index
- สำหรับคาดการณ์ดัชนี SET ในขณะที่ ณ กลางปี 2023 เราประเมินไว้ที่ระดับ 1,710-1,753 จุด ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยตามคาดการณ์หรือขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ ส่วน ณ สิ้นปี 2023 เราประเมินไว้ที่ระดับ 1,720-1,772 จุด ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยตามคาดการณ์หรือขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ โดยคาดดัชนี SET ในวันนี้ เคลื่อนไหวที่ระดับ 1,580-1,610
- ส่วนคาดการณ์ดัชนี SET50 ณ กลางปี 2023 เราประเมินไว้ที่ระดับ 1,075-1,090 จุด ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยตามคาดการณ์หรือขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ ส่วน ณ สิ้นปี 2023 เราประเมินไว้ที่ระดับ 1,080-1,100 จุด ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยตามคาดการณ์หรือไม่ โดยคาดดัชนี SET50 ในวันนี้ เคลื่อนไหวที่ระดับ 945-975
หลักทรัพย์แนะนำ
จากมุมมองที่ดีต่อเศรษฐกิจของเรา สำหรับในช่วงน้ี เราแนะนำหุ้นแบบ Domestic Play ดังน้ี ได้แก่
Week Ahead