Daily Focus: Selective Play
2023SET Target: 1700
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงผิดคาด ปิดลบถึง 22.92 จุด ณ สิ้นวัน ถูกกดดันจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ร่วงแรงโดยเฉพาะ DELTA รวมถึงแรงขายในหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่กระจายตัว โดยคาดเป็นผลจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่วนกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาดยังคงเป็น Domestic Play ได้แก่ การแพทย์ ค้าปลีก โรงไฟฟ้า สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.8 ลบ.และ 1.1 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Short Index Futures อีก 9.3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งในกรอบ 1,560-1,585 จุด วอลุ่มเบาบาง เพราะหลายตลาดปิดเนื่องในวัน Good Friday (ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย สหรัฐ และยุโรป) ตลาดโดยรวมยังขาดปัจจัยใหม่หนุน ความกังวลยังคงอยู่ที่เศรษฐกิจทั่วโลกส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น ล่าสุด IMF คาด GDP โลกในช่วง 5 ปีข้างหน้าโตเพียง 3% เป็นการเติบโตต่ำที่สุดในรอบกว่า 30 ปี เม็ดเงินยังทยอยไหลเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และปลอดภัยอย่างพันธบัตรและทองคำอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจใน 2H23 คืนนี้ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐเพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED หลังวานนี้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงน้อยกว่าคาด ส่วนปัจจัยในประเทศ กลุ่มโรงไฟฟ้าน่าจะมีแรงเก็งกำไรหลัง กกพ. ประกาศผู้ชนะประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งหมด 175 โรง 4,852MW โดยมีผู้ประมูลได้ได้แก่ GULF GUNKUL SSP BGRIM RATCH GPSC BCPG EA BCP และโฟกัสหลักยังอยู่ที่การหาเสียงเลือกตั้งที่จะคึกคักในเดือน เม.ย.- พ.ค. ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะสั้น กลุ่มโรงพยาบาลเป็น Defensive Play ที่น่าสนใจ และมี Catalyst หากสปส.ปรับเพิ่มค่าหัวในเดือนนี้ ด้านกลยุทธ์หากดัชนีมีจังหวะพักตัวลงหาระดับ 1,550 จุด หรือต่ำกว่ายังเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน เรายังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play เป็นหลัก ระยะสั้นเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : AOT, BA, BGRIM, CPN, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : PJW
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท
- เราคาดกำไร 1Q23 ฟื้นแรง +164% q-q เป็น 30 ลบ. หลังวัตถุดิบราคาสูงถูกทยอยใช้หมดไป และจีนเปิดประเทศเร็วขึ้น ทำให้โรงงานในจีนกลับมาดำเนินธุรกิจเป็นปกติจากที่ต้องปิดโรงงานบ่อยครั้งในปีที่ผ่านมา และการเดินทางในประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการน้ำมันเครื่องสูงขึ้น แต่คาดกำไร -27% y-y จากค่าไฟที่สูงขึ้น
- ทิศทางกำไรฟื้นต่อเนื่องทุกธุรกิจ ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มีออเดอร์เพิ่มเป็นจำนวนมาก เราคาดกำไรปี 2023 ที่ 165 ลบ. (+98% y-y) ใกล้เคียงปีที่ดีที่สุดคือปี 2021
- แนวรับ 4.40-4.30 บาท แนวต้าน 4.60-4.66//4.80 บาท
FUND FLOW: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคถึง US$829 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$530 ล้าน และไต้หวัน US$322 ล้าน ขณะที่อาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าอินโดนีเซีย US$43 ล้าน ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลปินส์ และไทยปิดททำาการ แนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้น่าจะเบาบางเพราะหลายตลาดปิด และน่าจะอยู่ในทิศทางไหลออกและเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรและสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) เงินเฟ้อไทยเดือน มี.ค. ต่ำกว่าคาด เงินเฟ้อทั่วไป +2.83% y-y ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +3.25% y-y และชะลอจากเดือน ก.พ. ที่ +3.79% y-y เงินเฟ้อพื้นฐาน +1.75% y-y ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +1.82% y-y และชะลอจากเดือน ก.พ. ที่ +1.93% y-y เรามองเป็นบวกเพราะลดแรงกดดันต่อ กนง. ในการเร่งขึ้นดอกเบี้ย แต่เรายังคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 2% และมีความเป็นได้สูงที่จะเป็นจุดสูงสุดของรอบ เป็นบวกต่อกลุ่มการบริโภค อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามตัวเลขเดือน เม.ย. ซึ่งอาจมีผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น แรงอีกครั้ง
(+) กกพ.ประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลโรงไฟฟ้า 175 ราย รวม 4,852 MW แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานลม 22 ราย (1,490 MW) โซลาร์+แบต 24 ราย (994 MW) และโซลาร์ 129 ราย (2,368 MW) โดยมี บมจ. ที่ชนะประมูล ได้แก่ GULF GUNKUL SSP BGRIM RATCH GPSC BCPG EA BCP ETC
(+) SAPPE คาดกำไร 1Q23 ทำ Record High ที่ 228 ลบ. +48% q-q และ Y-Y หนุนจากทั้งรายได้และ Margin ที่ปรับตัวขึ้น โดยการเติบโตมาจากทั้งการขายในประเทศ และโดยเฉพาะการส่งออกที่เร่งขึ้นทั้งจากสินค้าเดิมและผลจากการออกสินค้าใหม่ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2023 ขึ้น 10% เป็นเติบโต +27% y-y สะท้อนทิศทางรายได้และ Margin ที่ดีกว่าคาด ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 68 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) BEYOND เรามีมุมมองเชิงบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ เราคาด RevPar จะเติบโตได้ +10% q-q หนุนจากนักท่องเที่ยวจีน เกาหลีใต้ และฮ่องกงที่เพิ่มขึ้น เราคาดกำไรปกติ 1Q23 ที่ 24 ลบ. แนวโน้ม RevPar 2Q23 คาดชะลอตัวลงจากผลของ Low Season แต่คาดยังได้นักท่องเที่ยวจีนที่เร่งตัวเข้ามาชดเชย ส่วนการขายที่ดินที่ระยองคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 2Q23 ซึ่งคาดจะบันทึกกำาไรพิเศษราว 200-300 ลบ. หนุนกำไรปีนี้ ขณะที่การเติบโตระยะยาวยังเป็นบวก ผู้บริหารมองการดำเนินงานของโรงแรมจะเต็มที่ในปี 2025 โดยคาดมีรายได้ 3.5 พันลบ. และ EBITDA Margin ราว 30% ยังเป็นหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวที่ Valuation Laggard กลุ่ม คงราคาเป้าหมาย 24 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.57 จุด หรือ +0.01% ปิดที่ 33,485.29 จุด ตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่นักลงทุนรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเดินทาง
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 34.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 9 เซนต์ หรือ 0.11% ปิดที่ 80.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด และกลุ่มโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิต ในขณะที่เช้านี้ตลาดปิดทำการเนื่องจากวัน Good Friday
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 9.20 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 2,026.40 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงเทขายทำกำไร หลังสัญญาทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน ในขณะที่เช้านี้ตลาดปิดทำการเนื่องจากวัน Good Friday
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 930.91 / +0.87