Our View? “ยังเหงาอยู่”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับบริเวณ 1,570 /1,560 และแนวต้านที่บริเวณ 1,582 / 1590 เรามองตลาดขาดปัจจัยน่าใหม่จากเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดสหรัฐ-ยุโรปส่วนใหญ่ปิดทำการในวัน Good Friday อย่างไรก็ตาม เรามองการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน มี.ค. ออกมาเพิ่มขึ้น 2.36 แสนตำแหน่งมากว่าที่ตลาดคาด 2.30 แสนตำแหน่ง ขณะที่ตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน มี.ค. อยู่ที่ระดับ 3.50% น้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 3.60% คาดจะทำให้ตลาดกลับมามองว่าตลาดแรงงานของสหรัฐในช่วง 1Q’66 ยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และจะเป็นปัจจัยกดต้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุม FOMC เดือน พ.ค. ระดับ 5.00-5.25% มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า โดยล่าสุด CME Fed Watch Tools บ่งชี้นักลงทุนคาด FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ที่น้ำหนักราว 70.0%+/- จากก่อนหน้าคาดที่ระดับ 50.0%+/- อีกทั้งตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มเครษฐกิจสหรัฐมีโอกาสชะลอ – ถดถอยจากระดับอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ภาคการผลิตที่ยังหดตัวอยู่ คาดจะส่งผลให้ทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนได้อีกครั้ง อย่างไรก็ดี แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มี.ค.ของสหรัฐไนคืนวันที่ 12 เม.ย.คาดจะออกมาที่ระดับ 5.10% YoY และ 0.2% MoM ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า รวมถึงเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC รอบเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาในคืนวันที่ 13 เม.ย. นี้ คาดจะส่งผลให้ตลาดคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางอัตราเงินเฟ้อของ FED ได้มากขึ้น เป็นปัจจัยจํากัด Upside การเคลื่อนไหวของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่
ขณะที่เราคาดว่าตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาคาดการณ์เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มโต 3.0% ในปี’66 ชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้าที่ระดับ 34% และคาดจะโตทรงตัวที่ระดับ 30% ไปอีก 5 ปี ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยเศรษฐกิจโลก 10 ปีย้อนหลัง แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 20 ปีย้อนหลัง ระดับราว 3.6% คาดจากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่สำคัญของโลกอยู่ในระดับสูง และความขัดแย้งทางการเมืองต่างๆ คาดเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้
สําหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงคาดปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยจะยังคงเบาบางต่อไปจากการคาบเกี่ยววันหยุดยาวใบเทศกาลสงกรานต์ คาดจะส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้างในระยะสั้น แต่มองจะเป็นปัจจัยช่วยให้เศรษฐกิจไทยที่เงินหมุนเวียนมากขึ้น จากการที่หลายภาคส่วนกลับมาจัดงานเทศกาลสงกรานต์อีกครั้ง ในขณะที่เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตัวเลขตัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มี.ค. ของไทยที่ออกมาเพียง +2.83% YoY และ -0.27% MoM ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ +3.25% และ +0.14% MoM บ่งชี้เงินเฟ้อของไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง พยายามปรับตัวลงเริ่มเข้าใกล้กรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ระดับ 2.00% เรามองเป็นปัจจัยสะท้อนความสามารถในการควบคุมเงินเฟ้อของไทย รวมทั้งลดทอนแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท. ในระยะถัดไป ยิ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินในประเทศได้เร่งตัวขึ้นแรง เป็นปัจจัยหนุนทิศทางเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ และจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนอีกแรง ทั้งกำไรต่อหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD, TIOLOR และ KTC) อีกทั้งเรายังมองประเด็นในการเลือกตั้งของไทยเดือน พ.ค. ที่มีความชัดเจนขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าการหาเสียงในช่วงเดือน เม.ย. นี้ คาดจะเป็นสีสันให้เศรษฐกิจไทยเช่นกัน เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, BIC และ MAKRO) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC และ CK) และกลุ่มสื่อโฆษณา (PLANB และ VGI) รวมทั้งการออกมาทยอยปรับเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยขึ้นสู่ระดับ 25-30 ล้านรายภายในสิ้นปี’66 ของหลายๆ หน่วยงาน คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่มสายการบิน (AAV และ BA) ฟื้นตัวขึ้นได้
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “KTC”
กลยุทธ์ ย่อชื้อ แนวรับ 54.50 / 53.50 Target 58.00/ 60.00 Stop <52.00