สรุปภาวะตลาด

วันจันทร์ผ่านมา ดัชนีปรับตัวในแดนบวก พร้อมแรงซื้อเร่งตัวในช่วงบ่าย จากแรงชื้อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน รวมถึงหุ้นกลุ่มการเงินและค้าปลีก ที่ได้อานิสงค์จากนโยบายหาเสียงช่วงเลือกตั้ง และการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,593.13 จุด +16.06 จุด +1.02% มูลค่าการซื้อขาย 36,402 ลบ. ต่างชาติ +2,495.19 ลบ. TFEX +21,096 สัญญา ตราสารหนี้ -4,764.50 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 101.23 จุด หรือ +0.30% ได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐปรับตัวขึ้นใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นลท.จับตาข้อมูลเงินเฟ้อและรายงานผลประกอบการของธนาคารสหรัฐในสัปดาห์นี้

+ บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของจีนเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากลูกค้าในต่างประเทศให้สร้างโรงงานผลิตนอกประเทศจีน เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และการล็อกดาวน์สกัดโควิคนาน 3 ปีของจีน ทำให้ลูกค้าวิตกเกี่ยวกับการพึ่งพาจีนมากเกินไป

+ กองทัพจีนประกาศยุติการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันในวันนี้ หลังจากดำเนินการเป็นเวลา 3 วันนับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน

+ มณฑลต่างๆ ของจีนวางแผนเพิ่มการใช้จ่ายค้านโครงการก่อสร้างที่สำคัญๆ เกือบ 20% ในปีนี้ เนื่องจากจีนยังคงพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากข้อจํากัดต่าง ๆ เพื่อควบคุมโรคโควิด-19

+/- ธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจลกในปีนี้สู่ระดับ 2% จากเดิม 1.7% โดยได้ปัจจัยหนุนจากจีนเปิดประเทศ แต่เตือนว่าความวุ่นวายในภาคการธนาคารและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 และธนาคารมีแนวโน้มที่จะดึงให้เครดิตสํารองสำหรับธุรกิจ ชะลอการเติบโต

ปัจจัยลบ-

– สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 96 เซนต์ หรือ -1.19% ปิดที่ 79.74 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

– สหรัฐและฟิลิปปินส์จะเริ่มซ้อมรบทางทหารร่วมกันครั้งใหญ่ ที่สุดในรอบกว่า 30 ปีเพื่อแสดงถึงความเป็นพันธมิตรกันครั้งใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากจีนเสร็จสิ้นการซ้อมรบทางทหารรอบเกาะไต้หวัน

– สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดตัวเลขส่งออกข้าวก.พ.ลดลง 25% เหลือไม่ถึง 6 แสนตัน หลังลูกค้าชะลอซื้อเพื่อรอผลผลิตนาปรัง ขณะที่บาทอ่อน 34.0-34.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำข้าวไทยแข่งขันได้

– สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนมี.ค.66 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 95.65 ปรับตัวลดลง 21.0% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” โดย SET Index มีความ ผันผวนจากวิกฤติธนาคารจากการปิดตัวธนาคารสหรัฐฯ และยุโรป

– ธปท.ห่วงภาคครัวเรือนเปราะบาง ยังมีหนี้สูง ธุรกิจขนาดใหญ่มีความสามารถชำระหนี้และทำกำไรลดลง จับตาภาคส่งออกที่กำลังซื้อลด สินเชื่อประกันทะเบียนที่เริ่มเห็นหนี้เสียเพิ่ม

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสพักตัวออกข้าง หลังปรับตัวขึ้นแรงวันก่อน โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงิน Fund Flow ที่ชะลอ แรงขายลง ขณะที่ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบาง เนื่องจากคาบเกี่ยววันหยุดเทศกาล มองกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ที่ 1,585-1,600 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
  • หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
  • หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT
  • จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโอเปกพลัสลดกำลังการผลิต : PTTEP TOP PTT SPRC BCP
  • หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL COM7 CPALL

หุ้นรายงานพิเศษ

ETC (Bloomberg Consensus 8.80)

  • ETC ได้ชนะการประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สําหรับเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม (ปี 2569) พ.ศ.2565 อย่างเป็นทางการ โดยโครงการที่ผ่านการคัดเลือกจํานวนทั้งสิ้น 10 โครงการ จําหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จํานวน 80 เมกะวัตต์ ในอัตรา FiT 6.08 บาท/หน่วย และให้ FiT อัตราพิเศษเพิ่มอีก 0.70 บาทต่อหน่วย สำหรับโครงการขยะอุตสาหกรรม 8 ปีแรก เป็นระยะเวลา 20 ปี การชนะประมูลการประมูลครั้งนี้ จะทำให้ ETC เพิ่มปริมาณการขายไฟขึ้นเป็น 96.5 เมกะวัตต์ โตเกือบ 500% จากปัจจุบัน ETC มีโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 3 โครงการ และมีสัญญาขายไฟฟ้าจำนวน 16.5 เมกะวัตต์
  • ผบห.เผยใช้เงินลงทุนราว 1.6 หมื่นลบ.เพื่อลงทุนทั้ง 10 โครงการ คาดว่าจะใช้เงินกู้ราว 1.2 หมื่น ลบ. และใช้เงินของบริษัทราว 4 พันลบ. ซึ่งมาจากเงินสดในมือ 1.6 พันลบ.+หุ้นกู้ 2 พันลบ. และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 4/2566 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568
  • ความเห็น เรามุมมองบวกต่อการชนะประมูลโรงไฟฟ้า 10 โครงการกำลังการผลิตรวม 80 เมกะวัตต์ ช่วยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2568 อย่างไรก็ตาม เราจึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากใช้เวลาอีกราว 2 ปีกว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้

หุ้นมีข่าว

(+) BAM (Bloomberg consensus 19.10 บาท) กวาดเอ็นพีแอลเข้าพอร์ตโค้งแรกเฉียด 5 พันล้านบาท ปีนี้มีสิทธิเกินเป้า 9 พันล้านบาท ไตรมาสแรกเรียกเก็บเงินสดได้เยอะ 3.4 พันล้านบาท เปิดกลยุทธ์ขาย NPA โปรโมชั่น มีผ่อนแถมผูกมิตรแพลตฟอร์มขาย NPA ต่อเนื่อง เปิดโครงการจูงใจ NPL ปิดหนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BAFS (Bloomberg consensus 36.75 บาท) ปริมาณเติมน้ำมันเครื่องบินโตแกร่ง นักท่องเที่ยวจีนหนุนกลับมาระดับ 11-12 ล้านลิตรต่อวัน มีโอกาสปรับเป้าขึ้นจากปัจจุบันคาดโต 40% แตะ 4.2 พันล้านลิตร ส่วน FPT ส่งน้ำมันทางท่อแตะ 600 ล้านลิตร ซุ่มดีลลงทุนพลังงานสะอาดต่อเนื่อง คาดชัดเจนไตรมาส 2-3/2566 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TACC (ราคาเหมาะสม 7.60 บาท) ทุ่ม 40 ล้านบาท ปิดดีลควบรวมธุรกิจสุขภาพและความงามจากประเทศเกาหลี พร้อมเปิดบริษัทย่อย “เฮลธ์ อินสไปร์ด แพลนเนต” จ่อบุ๊กรายได้เข้าทันทีในไตรมาส 2/2566 ตั้งเป้าโกยรายได้ภายในปี 2567 ทะลุ 100 ล้านบาท เตรียมขายผ่านออนไลน์ รีเทล (ที่มา ทันหุ้น)

(+) WICE (Bloomberg consensus 10.55 บาท) อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร 2-3 ราย ผนึกกำลังเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ “อีวี โลจิสติกส์” คาดชัดเจนครึ่งปีหลัง 2566 ด้านปริมาณงานขนส่งโดยรวม ไตรมาสแรกยังทรงตัว เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน มองทิศทางครึ่งปีหลัง 2566 ปรับตัวดีขึ้น ความต้องการยุโรป-สหรัฐกลับมา ล่าสุดยื่นไฟลิ่ง ETL บริษัทย่อย เตรียมเข้าเทรดไตรมาส 3 นี้ ขยายธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดน (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 11 เม.ย. หอการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
  • 12 เม.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท. เผยแพร่รายงานการประชุมกนง.ฉบับย่อและรายงานนโยบายการเงิน
  • สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส. อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
  • สัปดาห์ที่ 4 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์
    • กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
  • 18-21 เม.ย. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวด 1Q66
  • สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
  • 28 เม.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
  • 3 พ.ค. แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
  • 14 พ.ค. เลือกตั้ง

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 11 เม.ย. จีน รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค.
    • สหรัฐ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนมี.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB)
  • 12 เม.ย. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
  • (เช้าวันที่ 13 เม.ย.) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค.
  • 13 เม.ย. จีน รายงานยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนมี.ค.
    • สหรัฐ รายงานจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค.
  • 14 เม.ย. สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนเม.ย.จาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน
- Advertisement -