Daily Focus: Selective Play
2023SET Target: 1700
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตลอดทั้งวัน ก่อนปิดบวกได้อีกเล็กน้อย 3.97 จุด ณ สิ้นวัน นำโดยกลุ่มธนาคาร ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวลงถ่วงตลาด อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายยังเบาบางเพียง 3.6 หมื่นลบ. เนื่องจากคาบเกี่ยวช่วงวันหยุดยาวและขาดปัจจัยใหม่หนุน สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 931 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิบางๆ 51 ลบ. (และพลิกมา Short Index Futures กว่า 1.8 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้าน 1,600-1,610 จุด รอทดสอบ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายคาดยังเบาบาง เนื่องจากคาบเกี่ยววันหยุดสงกรานต์ และตลาดต่างรอจับตาตัวเลขเงินเฟ้อทั้ง CPI และ PPI ของสหรัฐฯ คืนนี้และคืนพรุ่งนี้ ด้าน IMF ขยับ GDP Growth ปี 2023 ลงเล็กน้อยเหลือ +2.8% แต่ยังสูงกว่า World Bank ที่คาด +1.7% อยู่มากพอสมควร ส่วนปัจจัยในประเทศยังดูแข็งแรงกว่า ล่าสุดัชนีความเชื่อผู้บริโภคของไทยเดือน มี.ค. ฟื้นตัวต่อเนื่องสู่ระดับ 53.8 และคาดทยอยไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับปกติก่อนเกิด COVID-19 ที่ราว 70-80 ในระยะถัดไป โฟกัสของตลาดในครึ่งเดือนหลังของ เม.ย. จะเริ่มหันมาที่ผลประกอบการ 1Q23 ของบจ.มากขึ้น จากการเริ่มประกาศกำไรกลุ่มธนาคารและการทยอยคาดการณ์ฝั่ง Real Sector ขณะที่การหาเสียงเลือกตั้งจะคึกคักมากขึ้นช่วยหนุนการจับจ่ายใช้สอย โดยรวมเรายังมองหุ้น Domestic Play จะยัง Outperform Global Play ได้ต่อเนื่อง จากความเสี่ยงภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังจำกัด Upside ระยะสั้นเน้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดกำไร 1Q23 ออกมาแข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : AOT, BA, BGRIM, CPN, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 73.65 บาท
- แนวโน้มกำไร 1Q23 คาดฟื้นตัว q-q และ y-y ตาม SSSG ที่ปรับขึ้นทั้ง CPALL และ MAKRO รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่ลดลง q-q ขณะที่ค่าไฟขยับขึ้นจากการปรับขึ้นค่า Ft งวด ม.ค.-เม.ย. 23 ของภาคธุรกิจ
- มี Catalyst หนุนจากการหาเสียงเลือกตั้งที่จะคึกคึกในเดือน เม.ย.-พ.ค. ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้คึกคัก รวมถึงการปรับลดค่า Ft ภาคธุรกิจรอบเดือน พ.ค.-ส.ค. 23 เหลือ 4.77 บาท/หน่วย ช่วยหนุนกำไร 2Q23 เร่งตัวต่อเนื่อง Consensus คาดกำไรปี 2023 +28% y-y
- แนวรับ 61-60 บาท แนวต้าน 63.50-64//65 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่อง แต่บางลงเล็กน้อยเหลือ US$385 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$274 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ชะลอลงเหลือ US$97 ล้าน ด้านตลาดอาเซียนเม็ดเงินยังผสมสาน ไหลเข้าอินโดนีเซียแต่ไหลออกจากเวียดนาม ส่วนไทยและฟิลิปปินส์ทรงตัว แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าแต่เบาบาง โดยรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ คืนนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) คืนนี้ติดตามตัวเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน มี.ค. ตลาดคาด Headline CPI +0.3% m- m, +5.2% y-y ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า แต่ Core CPI คาด +0.4% m-m, +5.6% Y-Y ยังไม่เห็นการชะลอตัวที่ชัดเจนนัก นอกจากนี้ FED จะเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งโฟกัสอยู่ที่มุมมองเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ รวมถึงการส่งสัญญาณนโยบายการเงิน ส่วนเงินเฟ้อ PPI จะประกาศคืนวันที่ 13 เม.ย. ตลาดคาด Headline +0.1% m-m, +3.1% y-y ส่วน Core PPI คาด +0.2% m-m, +3.3% y-y ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า
(+) คาดการณ์กำไร 1Q23 กลุ่มธนาคาร ตัวเลขจาก Bloomberg Consensus คาดกำไร 1Q23 +43% q-q, +7% y-y โดยการฟื้นตัวแรง q-q มาจาก KBANK ซึ่งเป็นผลจากสำรองที่ลดลงอย่างมีนัยยะ หลังตั้งสูงกว่าระดับปกติมากใน 4Q22 โดยรวมการฟื้นตัวของกำไรนอกเหนือจากสินเชื่อที่ฟื้นตัว Y-Y คือการเพิ่มขึ้นของ NIM เป็นหลักจากการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. เรายังชอบ BBL และ KTB มากที่สุด เนื่องจากได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นสูงสุด คุณภาพหนี้ที่แข็งแรง และ Valuation ที่อยู่ในระดับต่ำ
(+) CK เรามีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2023 ที่จะพลิกกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง โดย CK มีโอกาสได้งานเพิ่มหนุน Backlog จากสิ้นปี 2022 ที่ 5.6 หมื่นลบ. ขึ้นเป็น 2.6 แสนลบ.ภายในชั้นปี จากโครงการใหญ่อย่างโรงไฟฟ้าหลวงพระบางและรถไฟฟ้าสายสีส้ม และเตรียมประมูลโครงการทางด่วน Double Deck และงาน M&E รถไฟฟ้าสีม่วง ซึ่งหากเป็นไปตามแผนจะรองรับการรับรู้รายได้ในช่วง 7 ปีข้างหน้า ขณะที่บ.ลูกอย่าง BEM คาดเซ็นสัญญาสายสีส้มได้ใน 2H23 และ TTW คาดว่าจะต่อสัญญา PTW ที่จะสิ้นสุด ต.ค. 23 ออกไปได้ เราคาดกำไรปกติปี 2023 จะเร่งตัว +62% y-y สูงสุดใน รอบ 4 ปี หนุนจากทั้งานรับเหมา รวมถึงผลการดำเนินงาน BEM ที่ดีขึ้นตามการ Reopening ประเมินราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 98.27 จุด หรือ +0.29% ปิดที่ 33,684.79 จุด ขณะนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมถึงรายงานผลประกอบการ 1Q23 ของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก 1 แรงหนุนจากหุ่นกลุ่มเหมืองแร่ ชณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ขณะที่นักลงทุนรอติดตามด้วเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ 81.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งการคาดการณ์ว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังข้อมูลอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อที่ระดับ 81.63 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.12%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 15.20 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 2,019.00 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 2,020.5 ดอลลาร์/ออนซ์ +0.07%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 932.93 / -0.29