บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Power Sector: Carbon credit – สถานการณ์และผลกระทบต่อกำไร

Event

ข้อมูลเชิงลึกของคาร์บอนเครดิต และผลกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนฯ

Impact

ต้นกำเนิดของคาร์บอนเครดิต (Carbon credit)

ปัจจุบันกระแสการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) ได้รับความสนใจอมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ โดยที่ Carbon credit ถือเป็นเครื่องมือที่คาดจะช่วยให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง ในขณะที่ขนาดตลาดคาร์บอนเครดิตโลก ประเมินว่าจะมีอัตราเพิ่มขึ้น CAGR ที่ 21.1% ในปี 2566-71 จากความต้องการของบริษัทต่างๆ ในการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) มีมากขึ้น ทั้งนี้งานวิจัยหลายแห่งประเมินว่าอุปทานคาร์บอนเครดิตทั่วโลก ยังไม่สามารถตามทันกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว

พัฒนาการของคาร์บอนเครดิตในโลกและประเทศไทย

ในประเทศพัฒนาแล้ว (EU, จีน, และ US) มีมาตรการควบคุมการปล่อยมลพิษที่ชัดเจนและเคร่งครัดแบบภาคบังคับ  ขณะที่อีกนานาประเทศกำลังพิจารณาแผนดังกล่าวเช่นกัน แต่ที่ประเทศไทยถือว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและเป็นแบบภาคสมัครใจเท่านั้น โดยมีมาตรฐาน Carbon credit อย่าง T-VER ดังนั้น ทั้งปริมาณและราคา Carbon credit ในไทยจึงยังถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้วอย่างมาก เช่น ระบบซื้อขายสิทธิ์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในยุโรป (EU ETS) ปัจจุบันราคา Carbon credit ในไทยเฉลี่ยอยู่ที่ Bt40/tCO2e เทียบกับ €105/tCO2e ในยุโรป อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กันว่าในไทยมีอุปสงค์คาร์บอนเครดิตที่ ~182-197MtCO2e ต่อปี ขณะที่อุปทานมี 6.857MtCO2e ต่อปี โดยในเรื่องนี้หากมีการเก็บภาษีคาร์บอน ผู้ที่ก่อมลพิษจะมีต้นทุนดำเนินงานสูงขึ้น แต่มีผู้ได้รับประโยชน์จากการที่มี credits ส่วนเกินอยู่

ผลกระทบต่อกำไรกลุ่มบริษัทจดทะเบียนฯ ในไทยจะเป็นอย่างไร….?

เราประเมินผลกระทบเชิงลบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนในไทย ภายใต้สมมติฐานที่หากกรมสรรพสามิตบังคับใช้ภาษีปล่อยคาร์บอน (คาดจะชัดเจนในหลักการปี 2566) และ/หรือ บริษัทสมัครใจที่จะชดเชยการปล่อยคาร์บอนเอง โดยเราศึกษาการปล่อยกระจายก๊าซเรือนกระจกในแต่ละหมวด อิงตามสัดส่วนของ GDP และแบ่งสมมติฐานราคาคาร์บอนเป็น 3 scenarios เพื่อคำนวณผลกระทบต่อกำไรในแต่ละหมวด โดยสรุปแล้วเราพบว่า 3 หมวดอุตสาหกรรมที่ปล่อย GHG ออกมามากที่สุด คือ หมวดสาธารณูปโภค (65-103tCO2e) ตามด้วยหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ (27-34tCO2e) และหมวดวัสดุก่อสร้าง (17-18tCO2e) แต่ผลกระทบต่อกำไรของแต่ละกลุ่มฯ ดูจะแตกต่างกันไป ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ชี้วา ผลกระทบของ Carbon credits ที่มีต่อกำไรบริษัทฯ คาดจะส่งผลลบต่อหมวดสาธารณูปโภคสูงที่สุด รองลงมาคือหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ และอันดับสามหมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร

Valuation and action

เราคงน้ำหนักกลุ่มโรงไฟฟ้า Neutral ผลกระทบของ Carbon credit ยังถือว่าไม่มีนัยสำคัญต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในปัจจุบันจากการควบคุมที่เป็นเพียงภาคสมัครใจเท่านั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่กฎข้อบังคับจริงจังและเข้มงวดขึ้นต่อผู้ที่ปล่อยมลพิษ อาจส่งให้ความสามารถทำกำไรจะน้อยลงจากการที่ต้องลดมลพิษในกระบวนการผลิตหรือซื้อ Carbon credit เพื่อชดเชย ทั้งนี้ดูเหมือนว่าปัจจุบันบริษัทไทยจะยังไม่พร้อมสําหรับการใช้ข้อบังคับที่จริงจังต่อการปล่อยคาร์บอน โดยน่าจะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งสำหรับการปรับตัวเพื่อลดการปล่อยมลพิษในการผลิตนอกเหนือไปจากการดำเนินธุรกิจแบบปกติ

- Advertisement -