MARKET STRATEGY
สรุปตลาดวานนี้ SETI บิดที่ 1,593.85 จุด ลดลง 6.56 จุด (-0.41%) มูลค่าการซื้อขาย 39,891.84 ล้าน บาท โดยย่อตัวลงมีแรงขายในหุ้น Big Cap. นักลงทุนรอดูการเปิดเผยผลประกอบการ 1Q66 ของบริษัทจดทะเบียน
Research Highlight: เข้าสู่ Earnings Season ของกลุ่มธนาคาร
เข้าสู่ Earnings season ของกลุ่ม ธนาคาร-การเงิน
- ล่าสุด TISCO รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 เท่ากับ 1.79 พันล้านบาท หดตัวเล็กน้อยจากการเพิ่มขึ้นของการขยายสาขาสมหวัง แต่ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังควบคุมได้ดี การตั้งสำรองที่เล็กน้อย ทำให้เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารมากขึ้นที่จะทยอยประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้-หน้า
- ขณะที่ KTC ได้รายงานงบ 1Q66 ออกมาเช่นกัน มีกำไรสุทธิ 1.87 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%YoY จากพอร์ทสินเชื่อที่ขยายตัวดี ตามปริมาณการใช้บัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้น ที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
- ในระยะถัดไปจะเริ่มเห็นการ preview งบออกมามากขึ้น เมื่อกลุ่ม leading economy อย่างกลุ่มธนาคารและการเงินที่ออกมาดี ทำให้ตลาดคาดหวังกลุ่ม real sector จะออกมาตีตาม ในระยะสั้นจะได้กระแสการเก็งกำไรเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยเรายังคงน้ำหนัก Overweight กลุ่มธนาคาร มี Top pick เป็น BBL KBANK KKP และเพิ่มนํ้าหนักกลุ่มการเงินจาก Underweight เป็น Neutral มี Top pick เป็น KTC MTC JMT
ติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟต
- เจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟต สาขาเซนต์หลุยส์ ที่มักให้ความเห็นเชิง Hawkish มาโดยตลอด หากมีการส่งสัญญาณในเชิงผ่อนคลายต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะเป็นแรงสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบ 2-3 พ.ค. เป็นครั้งสุดท้ายที่ระดับ 5.00-5.25% ไปตลอดสิ้นปีนี้ ขณะที่ข้อมูลจาก Fed watch tool ยังให้น้ำหนักที่ มากกว่า 80% ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% และจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ US Bond Yield ที่เริ่มปรับตัวลง และ Dollar index ที่เริ่มอ่อนค่าหนุน sentiment การลงทุนในภูมิภาคเช้านี้ ในเชิง asset allocation เรามีแนวโน้มที่จะปรับ rating ตราสารหนี้สหรัฐฯ เป็น slight positive มากขึ้น หากมีการส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ย
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ
- 19 เม.ย. CPI (มี.ค.) EU / ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม / แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์
- 21 เม.ย. ประมาณการ Manufacturing PMI (เม.ย.) EU
Investment Strategy
- ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway มีโอกาสทดสอบแนวต้านจิตวิทยาที่ 1600 ผ่านยืนแนวต้านถัดไป 1615 ระหว่างวันมีแนวรับที่ 1590/1580
- ในเชิง valuation ดัชนี SET ซื้อขายบน forward PE ที่ระดับ 15.5 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี มองว่าดัชนีที่ระดับ 1,600 จุด เป็นจังหวะพิจารณาสะสมระยะกลาง-ยาว ทั้งนี้เราคาดว่า กนง. จะยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% อีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 2.00% ตามภาวะเงินเฟ้อที่มีความเสี่ยงจากแรงกดดันฝังอุปสงค์ ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ fund flow ประเมินว่าแรงขายจะเริ่มชะลอตัวลง จากแรงหนุนของผลประกอบการ บจ. แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และจิตวิทยาจากการเลือกตั้ง
- แนะนำ Selective buy กลุ่ม Big cap. ที่ laggard HMPRO CPALL CPN AOT KBANK SCB JMT BDMS กลุ่ม Election Rally ADVANC KBANK BBL SC SIRI WHA STEC CPALL EA และ China reopening AOT WHA AMATA CENTEL ERW SISB SNNP TKN
Global Markets
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ หลังจากธนาคารโกลด์แมน แซคส์รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังใน 1Q66 ขณะที่ต้องติดตามการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
(+) ตลาดหุ้นยุโรป รอดูการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารสหรัฐ เพื่อประเมินสถานะของภาคธนาคาร และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของจีน ได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขาย
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกเล็กน้อย ขานรับเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งใน 1Q66 อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวก เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนตลาด
หุ้นเคาะไป คุยไป..SAT
- ภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. รายงานยอดส่งออกรถยนต์ ก.พ. เพิ่มขึ้น 11.4%YoY เนื่องจากได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) มากขึ้น จึงผลิตส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะเพิ่มขึ้น 50.04% และ 7.44% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ในเรือขนส่งรถยนต์ไม่เพียงพอ
- ทั้งนี้ ในวันที่ 19 เม.ย. ทาง ส.อ.ท. จะรายงานยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ หากออกมาขยายตัว จะเป็นปัจจัยบวกหนุนราคาหุ้น
- ในส่วนของงานมอเตอร์โชว์ปี 66 คาดว่ายอดขายรถยนต์ในงานปีนี้จะทะลุ 40,000 คัน ซึ่งมากกว่าปี 65 ที่ 34,000-35,000 คัน โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะมากขึ้น หนุนให้ยอดขายโดยรวมมากกว่าปีก่อน โดยในงวด ก.พ. 66 BEV มีตัวเลขจดทะเบียนกว่า 5.4 พันคัน เพิ่มขึ้น 5,061.6%YoY เนื่องจากนโยบายส่งเสริมกระตุ้นการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล จึงทำให้ราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลงอยู่ในระดับที่ประชาชนเข้าถึงได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้รถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ เข้ามาตั้งฐานผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจและสามารถเลือกซื้อรุ่นรถตามความนิยมของตนได้ เป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มยานยนต์อย่าง SAT
- สำหรับเป้ายอดขายเติบโต 5%YoY สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 3.5% เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาช่วยหนุน อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะใกล้เคียงปี 2565 เท่ากับ 18.2% ส่วนยอดดผลิตรถยนต์ในปี 2566 คาดการณ์ 1.9-1.95 ล้านคัน เติบโตเล็กน้อย 1-3.5% ส่วนรถแทรกเตอร์ (เครื่องจักรกลเกษตร) ที่มีสัดส่วน 20- 25% ของยอดขายจะทรงตัวที่ 88,000 คันจากปีก่อน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ประสบปัญหาปริมาณฝนมากและน้ำท่วม ซึ่งกินระยะเวลายาวนานกว่าปกติ ส่วน การส่งมอบรถไฟฟ้า ผ่านบ.ร่วมทุนอย่าง S-TRON คาดเตรียมส่งมอบรถในช่วงกลางปี 2566 เป็นต้นไป เบื้องต้นตั้งเป้าส่งมอบตั้งแต่ในครึ่งปีหลัง 200-300 คัน คิดเป็นรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท