ถอดรหัส “สนามบินแห่งอนาคต” โจทย์ใหญ่ของการขับเคลื่อนสนามบินไทยสู่ระดับโลก

ธุรกิจท่าอากาศยานและสายการบินทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้โดยสาร หลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพลิกฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งประเทศที่มีการท่องเที่ยวเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างประเทศไทยก็ต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับโจทย์ใหญ่นี้เช่นกัน

ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY กล่าวว่า SKY ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน (Aviation Tech) กำลังเร่งศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับการบริการภายในสนามบิน (Airport Services) เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้แก่นักเดินทางตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน

ซึ่งที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่าอากาศยานทั่วโลกมีการนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับการให้บริการภายในสนามบินจนเกิดเทรนด์ใหม่ๆ ดังนี้

1.Immersive Technology and Digital Twin

หลังเกิดปรากฏการณ์ที่หลายธุรกิจนำเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Immersive Technology) ทั้งเทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกจริง (Augmented Reality: AR) และเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality: VR) มาเป็นตัวเชื่อมต่อประสบการณ์ของผู้บริโภค เข้ากับสินค้าและบริการต่างๆ บนโลกเสมือนจริงกันมากมายในปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายการบินก็มีการพัฒนาแพลตฟอร์มจำลองวิวและบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารจองตั๋วและตัดสินใจเลือกที่นั่งได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการบินยังใช้เทคโนโลยีฝาแฝดดิจิทัล (Digital Twin) จำลองโครงสร้างจากวัตถุจริง และใช้เซ็นเซอร์ช่วยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ มาช่วยออกแบบและผลิตเครื่องบิน รวมถึงตรวจจับและแก้ไขระบบวิศวกรรมต่างๆ ภายในท่าอากาศยาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากปัญหาระบบขัดข้องที่จะกระทบต่อเวลาเดินทางของผู้โดยสาร

2.End-to-End Passenger Experience

สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้คนคุ้นชินกับการใช้ระบบไร้สัมผัสที่สามารถดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็ว  การให้บริการภายในสนามบินยุคปัจจุบันจึงต้องลดความซับซ้อนลง โดยนำโซลูชันอัจฉริยะเข้ามาช่วยให้ผู้โดยสารสะดวกมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่เข้าสนามบินจนถึงลงจากเครื่องบิน อาทิ Check-In Kiosk และ Self Bag Drop จุดบริการเช็กอินและโหลดสัมภาระได้ด้วยตัวเอง e-Gates ที่ใช้เทคโนโลยีชีวมิติ (Biometrics) สแกนใบหน้า ม่านตา หรือลายนิ้วมือ เพื่อยืนยันตัวตนแทนหนังสือเดินทาง ให้ผู้โดยสารสามารถเช็กอินและผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที

3.Integrated Digital Journey

นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ยังต้องการเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง สนามบินและสายการบินต่างๆ จึงพัฒนาแอปพลิเคชันให้ผู้โดยสารสามารถจัดการทุกขั้นตอนผ่านสมาร์ทโฟนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น ค้นหาและจองเที่ยวบิน เช็กอินออนไลน์ แจ้งเตือนเที่ยวบิน ติดตามสัมภาระได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง บริการสอบถามข้อมูลและแจ้งปัญหา ขณะเดียวกัน สนามบินบางแห่งยังมีการใช้หุ่นยนต์นำทาง ช่วยพาผู้โดยสารไปยังจุดบริการต่างๆ ภายในสนามบินได้อย่างแม่นยำ

4.Passenger Flow Solutions

การกลับมาอย่างฉับพลันของการท่องเที่ยวทำให้หลายสนามบินเผชิญปัญหาผู้โดยสารหนาแน่น จึงมีการนำโซลูชันเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการการไหลเวียนของผู้โดยสาร (Passenger Flow)อย่างเช่น เทคโนโลยีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับเส้นทางการเคลื่อนที่ของผู้โดยสารแบบเรียลไทม์ แล้วนำมาจำลองพฤติกรรมของผู้ใช้บริการ ตั้งแต่ระยะเวลาเดินทางไปยังจุดตรวจคนเข้า-ออกประเทศ ระยะเวลาเดินทางไปยังประตูขึ้นเครื่องบิน หรือแม้แต่เวลาที่เหลืออยู่สำหรับการช้อปปิ้งก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อวิเคราะห์ประเภทผู้โดยสาร และออกแบบระบบการให้บริการต่างๆ ในสนามบินให้คล่องตัวยิ่งขึ้น ล่าสุด สนามบินบางแห่งได้พัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยวิเคราะห์จำนวนผู้โดยสารและแก้ปัญหาความแออัดภายในสนามบิน พร้อมตรวจจับวัตถุต้องสงสัย

5.Sustainable Aviation

ความยั่งยืนเป็นอีกโจทย์สำคัญที่ท้าทายอุตสาหกรรมการบิน เนื่องจากภาวะโลกร้อน อีกทั้งผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สนามบินและสายการบินต่างพยายามปรับรูปแบบการให้บริการที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เช่น การออกแบบอาคารผู้โดยสารที่ช่วยลดการใช้พลังงาน โดยนำระบบอาคารอัจฉริยะเข้ามาตรวจจับการทำงานของระบบควบคุมความร้อนและความเย็น มีพื้นที่สีเขียวในร่ม ติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ใช้ระบบไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการใช้พลังงานทางเลือกสำหรับเครื่องบิน เช่น เชื้อเพลิงพลังงานไฮโดรเจน

ขยล อธิบายอีกว่า ประเทศไทยเองก็มีแนวคิดในการพัฒนาสนามบินแห่งอนาคตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยอย่างสนามบินสุวรรณภูมิ ได้มีการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารทั่วโลก เพื่อยกระดับท่าอากาศยานไทยสู่การเป็นสนามบินอัจฉริยะ (Digital Airport) เช่นกัน อาทิ ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) ตั้งแต่ตรวจบัตรโดยสาร ตู้ Kiosk สำหรับเช็กอินด้วยตัวเอง ไปจนถึงประตูทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ และแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT ที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการการเดินทาง สำหรับดูแลผู้โดยสารตั้งแต่ก่อนเดินทางจนถึงออกจากสนามบิน

ขณะเดียวกัน ทีมพัฒนาเทคโนโลยีของ SKY ยังร่วมกับ ESIC Lab ของภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านการท่าอากาศยานกับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อยกระดับการให้บริการที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นด้วยแหล่งข้อมูลที่หลากหลายในสนามบิน อาทิ พฤติกรรมการใช้งานพื้นที่ภายในสนามบิน ข้อมูลเที่ยวบิน ความหนาแน่นของผู้โดยสารในแต่ละพื้นที่ เพื่อพัฒนาทั้งบริการด้านประสบการณ์ในสนามบินของผู้โดยสาร และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ภายใต้หลักการของการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและถูกเวลากับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อรักษามาตรฐานการบริการให้สามารถรองรับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสาร และมุ่งสู่ความเป็นสนามบินแห่งอนาคตได้

บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือสกาย กรุ๊ป (SKY Group) เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำในประเทศไทยที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน การรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยบริษัทมุ่งเดินหน้าให้บริการโซลูชันใหม่ๆ ให้สอดรับกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดให้กับผู้โดยสารผ่านบริการต่างๆ อาทิ การรวมระบบ แอปพลิเคชัน ระบบรักษาความปลอดภัย และบริการอำนวยความสะดวกภายในท่าอากาศยาน

#SKY #SKYICT #SKYGROUP #สกายไอซีที #สกายกรุ๊ป #SmartAirport#SKYIntelligenceInAction #SKYICTTHAILAND #TechCompany #SKYGroupTogether#WeAreSKY

- Advertisement -