บล.ทรีนีตี้:
ธนาคารทหารไทยธนชาต – TTB
สำรองหนี้ลดหนุนกำไร 1Q66 ดีกว่าคาด
- กำไร 1Q66 อยู่ที่ 4,295 ล้านบาท ดีขึ้น 12%QoQ และ 34%YoY ดีกว่าคาด
- โดยหลักเป็นผลจากสำรองหนี้ต่ำกว่าคาด หลังธนาคารยังควบคุมคุณภาพหนี้ได้ดี
- ด้านกำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรองหนี้ออกมาใกล้เคียงคาด
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวจาก NIM ที่ถูกอ่อนตัวหลังต้องเพิ่มเงินนำส่ง FIDF
- ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวจาก 4Q65 ที่มีกำไรพิเศษ
- คุณภาพหนี้ที่มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า จึงปรับลดประมาณการสำรองหนี้ลงเล็กน้อย ส่งผลให้คาดกำไรปี 66 เพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้าราว 4% มาอยู่ที่ 16,151 ล้านบาท (+14%YoY)
- เริ่มเห็น Upside จากราคาเป้าหมายใหม่ ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
สำรองหนี้ลดหนุนกำไร 1Q66 ดีกว่าคาด
TTB ประกาศกำไร 1Q66 ที่ 4,295 ล้านบาท ดีขึ้น 12%QoQ และ 34%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 12% โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่ลดลง 11% QoQ ต่ำกว่าที่เดิมคาดไว้ว่าจะทรงตัว QoQ สะท้อนภาพการควบคุมคุณภาพหนี้ได้ดี และมีการฟื้นตัวของคุณภาพหนี้ตามแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยสัดส่วน NPL ของธนาคารลดลงเล็กน้อยจาก 2.46% ใน 4Q65 มาอยู่ที่ 2.41% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรองหนี้ (PPOP) ใกล้เคียงคาด โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัว 2%QoQ จากสินเชื่อที่อ่อนตัว 1.4%QoQ หลังมีการชำระคืนของธุรกิจขนาดใหญ่ และ NIM ที่อ่อนตัวลง 9 bps แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยลอยตัว แต่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นมากกว่าหลังมีการปรับขึ้นเงินนำส่ง FIDF ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัวถึง 16%QoQ โดยในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมอ่อนตัวตามฤดูกาล และใน 4Q65 ยังมีกำไรพิเศษจากการซื้อคืนตราสารหนี้ AT1 ด้วย ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 12%QoQ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลดลงจากค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล
ปี 66 คาดกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับปี 2566 เราคาดรายได้ดอกเบี้ยจะปรับตัวดีขึ้นตาม NIM ที่ได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และกลยุทธที่เน้นสินเชื่อในกลุ่ม High Yield มากขึ้น แม้ว่าจะมีปัจจัยกดดันจากการปรับขึ้นเงินนำส่ง FIDF บ้าง แต่เป็นผลกระทบชั่วคราว ซึ่งคาดว่าแนวโน้ม NIM จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นใน 2Q66 เป็นต้นไป ด้านแนวโน้มคุณภาพหนี้ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า เราจึงปรับลดประมาณการสำรองหนี้ลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น จากประมาณการก่อนหน้าราว 4% มาอยู่ที่ 16,151 ล้านบาท (+14%YoY)
ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเล็กน้อย พร้อมปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
จากการปรับประมาณการ เราจึงปรับราคาเป้าหมายของ TTB ขึ้นเป็น 1.55 บาท อิง PBV 0.67 เท่า ทำให้ยังพอมี Upside จึงปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
ความเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ / คุณภาพหนี้ที่แย่ลง