บล.ฟิลลิป:

TOP: คาดกำไรสุทธิฟื้น q-q จากทุกธุรกิจ

ซื้อ TP’66: 72.00

คาดกำไรสุทธิฟื้นตัว q-q, อย่างมีนัย เนื่องจากคาดว่า GRM ของธุรกิจโรงกลั่น และ GIM มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดี q-q ประกอบกับ utilization rate ในทุกธุรกิจ ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้คาดว่าจะมีการรับรู้ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันที่ลดลง q-q ทางฝ่ายยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” 

งบรวม

1Q66E

4Q65

1Q65

% y-y

% q-q

กําไร

4,056

147

7,183

-43.5

2662.2

EPS

1.82

0.07

3.52

-48.4

2662.2

หมายเหตุ: กําไร = ล้านบาท, EPS = บาท

  • คาด 1Q66 กำไรสุทธิฟื้น q-q แต่ลดลง y-y : ทางฝ่ายคาดกำไรสุทธิ 1Q66 อยู่ที่ 4,056 ลบ. ฟื้นตัวอย่างมีนัย q-q แต่ -43.5% y-y โดยกำไรสุทธิที่ฟื้นตัว q-q มีแรงหนุนจาก GRM ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก crude premium ใน 1Q66 อยู่ที่ 4.96 ดอลล่าร์/bbl ลดลงจาก 7 ดอลลาร์/bbl ใน 4Q65 และ utilization rate ของโรงกลั่นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 110% จากเดิม 103% ใน 4Q65 และธุรกิจอะโรเมติกส์ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น q-q เนื่องจากคาดว่า GIM ใน 1Q66 จะอยู่ที่ราว 1 ดอลลาร์/bbl ปรับตัวสูงขึ้นจาก 0.8 ดอลลาร์/bbl ใน 4Q65 ประกอบกับ utilization rate ที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 70% จากเดิม 67% ใน 4Q65 สำหรับธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นคาดว่า GIM จะทรงตัว q-q อยู่ที่ราว 1.1 ดอลลาร์/bbl ขณะที่ utilization rate มีแนวโน้มที่จะกลับสู่ภาวะปกติมากขึ้นอยู่ที่ราว 85% จากเดิม 43% ใน 4Q65 เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผน ส่วนราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง q-q ส่งผลให้คาดว่า TOP จะมีการรับรู้ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ราว 3.6 ดอลลาร์/bbl หรือคิดเป็น -3,347 ลบ. (ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันใน 4Q65 อยู่ที่ 9.6 ดอลลาร์/bbl หรือคิดเป็น -9,178 ลบ.) แต่ผลการดำเนินงานยังคงมีแรงหนุนจากการรับรู้กำไรจากการป้องกันความเสี่ยงราว 500 ลบ. และการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกประมาณ 200 ลบ.
- Advertisement -