บล.ฟิลลิป:

ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป – TISCO

ยังมั่นใจสินเชื่อโตตามเป้า ปันผลสูง

Key Point

สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อจำนำทะเบียนจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สินเชื่อของ TISCO ในปีนี้เป็นไปตามเป้า  และจะทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อปรับเพิ่มขึ้นด้วย แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยยังได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มของต้นทุนดอกเบี้ย และการกลับมาจ่ายเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ ในระดับปกติ ยังคงประมาณการกำไร และราคาพื้นฐาน 107 บาท TISCO ยังคงมีจุดเด่นในเรื่องปันผล โดยจะจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 65 สูงถึง 7.75 บาท แนะนำ “ซื้อ”

ยังมั่นใจสินเชื่อจะโตตามเป้า

ถึงแม้ว่าใน 1Q66 TISCO จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้ 0.5% q-q โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น 3.7% q-q ในขณะที่สินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 0.3% q-q และสินเชื่อ SME หดตัว 9% q-q แต่ทาง TISCO ยังมั่นใจว่าเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะปล่อยสินเชื่อ 8-7% ยังเป็นไปได้ โดยสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ยังมีที่รอเบิกจ่ายอยู่อีกมาก นอกจากนี้สินเชื่อจำนำทะเบียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสินเชื่อรายย่อยยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังการทยอยเปิดสาขาสมหวังเพิ่ม โดยในปีนี้ TISCO มีเป้าที่จะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 650 สาขา จากที่มีสาขาอยู่ในขณะนี้ 484 สาขา

ผลตอบแทนสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะหดตัว

การหันมาปล่อยสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ รวมไปถึงสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากสินเชื่อเช่าซื้อที่เป็นสินเชื่อหลัก ส่งผลให้ผลตอบแทนสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยใน 1Q66 TISCO มีผลตอบแทนสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 7.31% จาก 7.08% ใน 4Q65 แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกลับลดลงเหลือ 5.68% จาก 5.86% ใน 4Q65 เนื่องจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และการกลับมาจ่ายเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ ในระดับปกติ และน่าจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของทั้งปีหดตัวลงจากปีก่อนด้วย

NPL ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่การตั้งสำรองจะลดลงได้

NPL ของ TISCO ใน 1Q66 เพิ่มขึ้นเป็น 2.13% จาก 2.09% ใน 4Q65 และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อจากการหันมาปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทนสินเชื่อขึ้น อย่างไรก็ตาม ทาง TISCO มองว่า NPL นั้นยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และการที่มีสัดส่วนสำรองอยู่สูงที่สุดในระบบธนาคารถึง 248% นั้นเพียงพอที่จะรองรับ NPL ที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้ ทำให้ TISCO ได้มีการลดระดับการตั้งสำรองใน 1Q66 ลงเหลือ 0.2% ของสินเชื่อรวม จาก 4Q65 ที่มีการตั้ง 0.7% ของสินเชื่อรวม และในปี 66 การตั้งสำรองโดยรวมก็น่าจะลดลงจากปี 65 ได้

ความเสี่ยง

1. ความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อ

2. ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

3. ความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม

- Advertisement -