บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Downgrade)
TP upside (downside) +9.1%
Close Apr 19, 2023 Price (THB) 4.40
12M Target (THB) 4.80
Previous Target (THB) 4.80
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 1Q66 เติบโต +59.8% YoY จากยอดโอนที่ดินเพิ่มขึ้น หลังลูกค้าต่างชาติเดินทางเข้าออกประเทศสะดวกขึ้น ธุรกิจสาธารณูปโภคฟื้นตัว ขณะที่ -78.9% QoQ คาดชะลอตัวลงจากฐานสูงที่มีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT และยอดโอนที่ดินทำสถิติสูงสุด
- ปี 2566 เราคาดกำไรปกติ +7.6% YoY จากการย้ายฐานการผลิต มาตรการสนับสนุนการลงทุน (BOI) และพื้นที่ EEC มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Our view
- เราคาดกำไรปกติในปี 2566 เติบโต 7.6% YoY ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมา และอุปสงค์ที่ดินแข็งแกร่งจากการย้ายฐานการผลิต รวมถึงมีปัจจัยจากมาตรการการส่งเสริมการลงทุนจากทางภาครัฐ
- เราคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท (PER 17.6x) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เหลือ Upside เพียง 9% จึงลดคำแนะนำลงเป็น “TRADING”
WHA CORPORATION (WHA) ปี 66 รับผลบวกย้ายฐาน สาธารณูปโภคเด่น
คาด 1Q66 เติบโต YoY ชะลอตัว QoQ
เราคาดกำไรปกติ 1Q66 ที่ 580 ล้านบาท (-78.9% QoQ, +59.8% YoY) เติบโต YoY จาก 1) ธุรกิจนิคม ยอดขายที่ดิน 3M66 ในไทยและที่เวียดนามอยู่ที่ราว 450 ไร่ (25.7% ของเป้าปีบริษัท) ส่วนยอดโอนคาดราว 275 ไร่ จาก 186 ไร่ใน 1Q65 2) ธุรกิจสาธารณูปโภค มีการปรับขึ้นราคาขายน้ำ 5% และความต้องการน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นตามการผลิตของลูกค้านิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น และ 3) ส่วนแบ่งกำไรธุรกิจไฟฟ้าจะปรับตัวดีขึ้น หลังต้นทุน เชื้อเพลิงปรับลด แต่ค่า Ft ปรับเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 154.92 สตางค์/หน่วย จาก 1.39 สตางค์/หน่วยใน 1Q65 และ 93.43 สตางค์/หน่วยใน 4Q65 ขณะที่เทียบ QoQ เราคาดจะชะลอตัวจากฐานสูงของยอดโอนที่ดินทำ สถิติสูงสุด และมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ใน 4Q65 ขณะที่เทียบกำไรสุทธิคาดชะลอตัว 78.2% QoQ และ 5.5% YoY เนื่องจาก 1Q65 บริษัทรับรู้รายได้จากการขาย Data center 344 ล้านบาท
ปี 2566 ธุรกิจสาธารณูปโภคหนุน แต่การเติบโตของยอดโอนที่ดินท้าทาย
เรามองว่าการเติบโตธุรกิจนิคมในปีนี้จะค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากปี 2565 มีฐานที่สูง ทั้งยอดขายที่ดินทำสถิติสูงสุด 1.8 พันไร่ (+99.7% YoY) และยอดโอนที่ดิน 1.7 พันไร่ (+204.3% YoY) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมี ลูกค้าแสดงความสนใจ เซ็น LOI ที่ดินแล้ว 899 ไร่ (ไทย 469 ไร่ และเวียดนาม 430 ไร่) และอยู่ในช่วงการเจรจา กับลูกค้ารายใหญ่กลุ่มยานยนต์อีก 2-3 ราย ขนาดดีลละมากกว่า 300 ไร่ ซึ่งหากเจรจาสำเร็จจึงจะทำได้ใกล้เคียง หรือมากกว่าปี 2565 นอกจากนี้ ธุรกิจสาธารณูปโภคในปีนี้จะเติบโตโดดเด่น 10-15% YoY จากการปรับขึ้นราคา ขายน้ำและปริมาณความต้องการน้ำที่กลับสู่ระดับปกติ อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรธุรกิจไฟฟ้าคาดเติบโตจากค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น เราคาดกำไรปกติปี 2566 ที่ 3,961 ล้านบาท (+7.6% YoY) โดยมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากความตึงเครียด ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้มีการเคลื่อนย้ายและกระจายฐานการผลิตมากขึ้น
บริษัทวางแผน 5 ปี เติบโตต่อ ทำ All Time High ใหม่ในอนาคต
บริษัทตั้งเป้า 5 ปี (2566-2570) รายได้รวมจะเติบโต 40% ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยจะยังรักษา EBITDA margin ให้อยู่ในระดับสูงกว่า 40% และรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้ต่ำกว่า 1.2 เท่า นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้เป็น 47% ภายใน 5 ปี ส่วนของงบลงทุนใน 5 ปี ตั้งอยู่ที่ 6.9 หมื่น ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยาย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ โลจิสติกส์ 1.7 หมื่นล้านบาท, นิคมอุตฯ 2.9 หมื่นล้านบาท สาธารณูปโภค 1.9 หมื่นล้านบาท และดิจิทัล 4 พันล้านบาท เรามองว่าแผนระยะยาวนี้จะช่วยบริษัทต่อยอดการ เติบโตแบบแข็งแกร่งในทุกหน่วยธุรกิจ รวมถึงลดความผันผวนของรายได้จากการพึ่งพาเพียงยอดขายที่ดินเท่านั้น เราประเมินการเติบโตของรายได้ในระยะ 5 ปีที่ราว 20% ซึ่งถือว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยมหากเทียบกับเป้า บริษัทจึงทำให้มีโอกาสปรับประมาณการในอนาคต
ปรับคำแนะนําเป็น “TRADING” ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท
เราคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท/หุ้น อิง PER ที่ 17.8 เท่า ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากเงินปันผล 2H65 5 ที่ 0.1003 บาท คิดเป็น Dividend yield 2.2% (XD 11 พ.ค. 66) นอกจากนี้ มี Upside ในการปรับประมาณการขึ้น หากบริษัทเจรจากับลูกค้ารายใหญ่สำเร็จ รวมถึงปัจจัยบวกกลุ่มสาธารณูปโภค ได้แก่ การขอปรับค่าน้ำ Duong river ขึ้นย้อนหลังถึงปี 2562 และ WHAUP (ถือหุ้น 71.6%) ผ่านการคัดเลือกโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของกกพ.ราว 120-150 MW ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2572 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับขึ้น 15% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เหลือ Upside gain เพียง 9% จึงลดคำแนะนำลง แนะนำรอสะสมเมื่ออ่อนตัว