บล.พาย:
SPRC – Star Petroleum Refining PCL กําไรฟื้นตัวในไตรมาส 1/23
คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ลดมูลค่าพื้นฐานลง 7% จาก 12.30 บาท เป็น 11.50 บาท หลังปรับลดประมาณการกำไรและอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปี 2023 ลง คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/23 จะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาทในไตรมาส 1/23 ดีดขึ้นจาก 260 ล้านบาทในไตรมาส 4/22 เพราะค่าการกลั่นที่ดีขึ้น และการขาดหายไปของรายการขาดทุนสต็อกน้ำมัน ขณะที่คาดว่าค่าการกลั่นจะชะลอลงในไตรมาส 2/23 จากอุปสงค์ที่อ่อนแอลง เพราะความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย แต่ด้วยค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในกรอบค่าเฉลี่ย 5 ปี เราจึงมองว่ากำไรปี 2023 จะยังแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นก็ยังให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูดระดับ 6.5% ขึ้นไป
กําไรไตรมาส 1/23 ฟื้นตัว QoQ
- คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/23 ที่ 1.3 พันล้านบาท(-76% YoY, +398% QoQ) ที่ลดลง YoY เพราะค่าการกลั่นที่ลดลง 23% เป็น US$6.5/ บาร์เรล และขาดทุนสต็อกน้ำมันที่น้อยลงเป็น 184 ล้านบาท เทียบ 5.9 พันล้านบาทในไตรมาส 1/22 ส่วนที่โตขึ้น QoQ เป็นผลจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น 20% และการฟื้นตัวจากขาดทุนสต็อก 1.9 พันล้านบาทในไตรมาส 4/22
- หากไม่รวมกำไร/ขาดทุนสต็อกน้ำมัน คาดค่าการกลั่นตลาดจะอยู่ที่ US$6.5/บาร์เรล (24% YoY, +20% QoQ) ที่ดีขึ้น QoQ เป็นผลจากส่วนต่างราคาเบนซินที่ดีขึ้น แม้ส่วนต่างราคาดีเชลและเชื้อเพลิงอากาศยานจะลดลง ด้านปริมาณการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ 162kbd (+8% YoY, ทรงตัว QoQ)
คาดค่าการกลั่นจะชะลอลงในไตรมาส 2/23
- ค่าการกลั่นสิงคโปร์ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/23 ลดลงเป็น US$4.7/ บาร์เรล หรือปรับลดลงเกือบ 40% จากค่าเฉลี่ยไตรมาส 1/23 ที่ US$8.2/บาร์เรล เพราะ 1) การฟื้นตัวของจีนที่ต่ำกว่าคาด 2) ปัจจัยรบกวนประเด็นเศรษฐกิจโลกถดถอยจากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่สูง และ 3) การส่งออกน้ำมันกลั่นจากรัสเซียที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะไปกดดันค่าการกลั่นในไตรมาส 2/23
- แต่ถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยของค่าการกลั่น (สิงคโปร์) 5 ปีที่ผ่านมาที่ US$5.0/บาร์เรล ก็ถือว่าระดับปัจจุบันไม่ได้แย่นัก อีกทั้งส่วนต่างราคาเบนซินและดีเซลก็ยังยืนเหนือค่าเฉลี่ยที่ US$15.0/บาร์เรลอีกด้วย ยิ่งกว่านั้น การลดอุปทานของ OPEC+ (อีก 1.16 ล้านบาร์เรล/ วัน มีผลเดือน พ.ค. 2023) และอุปสงค์การใช้น้ำมันในจีนที่ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น ก็คาดว่าจะช่วยหนุนเสริมค่าการกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังได้
คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 11.50 บาท
คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ลดมูลค่าพื้นฐานลง 7% จาก 12.30 เป็น 11.50 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไรของเราลง มูลค่าพื้นฐานของเราอิง 1.2x PBV’23E สอดคล้องค่าเฉลี่ย 5 ปี และสะท้อนถึงอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ลดลง แม้กำไรสุทธิอาจลดลงในปี 2023 แต่ควรมองว่าเป็นการย่อตัวจากฐานสูงในปี 2022 นอกจากนี้ ยังคาดว่าหุ้นจะมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 6.5%/7.4% ในปี 2023/24 ตามลำดับ ซึ่งเหมาะสมกับมูลค่าหุ้นและช่วยจำกัด downside risk ลงได้
ปรับประมาณการกำไรปี 2023-24 เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดค่าการกลั่น
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2023-24 ลง 21% และ 9% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงภาพรวมค่าการกลั่นที่แผ่วลงตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป โดยคาดว่าค่าการกลั่นตลาดจะได้รับผลกระทบจากส่วนต่างราคาดีเซลและเชื้อเพลิงอากาศยานที่อ่อนแอลง จากฐานที่สูงกว่าปกติในปี 2022 หลังจากข้อกังวลเรื่องอุปทานจากรัสเซียเริ่มคลี่คลายลง ทั้งนี้ เราได้ปรับลดค่าการกลั่นปี 2023-24 ลงเป็น US$5.7/ บาร์เรล และ US$5.8/บาร์เรล ตามลำดับ
Revenue breakdown
บริษัทดำเนินธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก โดยมีการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมคุณภาพสูงหลากหลายชนิด เช่น
- ดีเซล (44% ของรายได้ทั้งหมด)
- เบนซิน (28% ของรายได้ทั้งหมด)
- น้ำมันอากาศยาน (6% ของรายได้ทั้งหมด)
- น้ำมันเตากำมะถันหนัก (HSFO) (3% ของรายได้ทั้งหมด)
- แนฟทา (4% ของรายได้ทั้งหมด)
- อื่นๆ (15% ของรายได้ทั้งหมด) ซึ่งรวมถึง LPG ก๊าซผสม C4 ยางมะตอย และโพรพิลีน
ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจำหน่ายภายในประเทศส่วนใหญ่จะจำหน่ายผ่านข้อตกลงระยะยาวที่มีกับ Chevron และ PTT ขณะที่มีกำลังการกลั่น 175 KBD หรือคิดเป็นราวๆ 13% ของกำลังการผลิตกลิ่นทั้งหมดของไทย